ขอบคุณสําหรับการเยี่ยมชม ไทย HP เก็บ
วันจันทร์ - วันศุกร์ 8.30 – 17.30 น.
( ยกเว้นวันหยุดราชการ )
วันจันทร์ - วันศุกร์ 8.30 – 17.30 น.
( ยกเว้นวันหยุดราชการ )
Minecraft เปิดตัววันแรกในปี 2009 และส่งไม้ต่อให้ Microsoft รับมาพัฒนาและดูแลตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา แม้ว่าจะมีเนื้อหาและส่วนขยายทั้งหมดของเกมให้ดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ แต่ส่วนที่ยังไม่ได้รับความสนใจมากนักก็คือกราฟิก
ชุมชนนักสร้างม็อดจึงร่วมกันแก้ไขปัญหานี้ด้วยการสร้าง Shader ที่เป็นตัวปรับปรุงคุณภาพของภาพและความละเอียดของเกม ในฐานะผู้เล่น คุณสามารถใช้งาน Shader ได้หลายแบบ และทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากให้โลก Minecraft ของตัวเองมีดีไซน์แบบไหน
ก่อนที่เราจะไปถึง Minecraft Shader ที่ดีที่สุดแห่งปี 2022 สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้ว่าควรมองหาเวอร์ชันไหน (โดยทั่วไปคือ 1.14 หรือใหม่กว่า) และควรศึกษาวิธีติดตั้ง เพื่อให้คุณสามารถชื่นชมกราฟิก Minecraft ในโฉมใหม่ได้อย่างเต็มรูปแบบ
การติดตั้ง Minecraft Shaders นั้นไม่ต่างจากการติดตั้งม็อดในเกมอื่นมากนัก เริ่มจากการติดตั้งตัวจัดการม็อดหรือ Mod manager และโปรแกรมที่เรียกว่า Optifine
Optifine เป็นตัวสำคัญที่ช่วยปรับปรุงกราฟิกและประสิทธิภาพของ Minecraft ทั้งยังช่วยให้คุณสามารถเพิ่มอัตราเร็วของเกมในหน่วยเฟรมต่อวินาที (FPS) ได้ นอกจากนี้ยังขจัดความล่าช้า และช่วยให้คุณปรับการตั้งค่ากราฟิกในระดับที่ละเอียดมากๆ ได้ ส่วน Optifine เวอร์ชันล่าสุดก็สามารถใช้ได้โดยตรงกับ Shader ส่วนใหญ่อีกด้วย
สำหรับเรื่องตัวจัดการม็อด ส่วนใหญ่แล้วเกมเมอร์ในชุมชน Minecraft มักแนะนำให้ใช้ Forge เนื่องจากใช้งานง่าย มาพร้อมกับฟีเจอร์หลากหลายพอที่จะทำให้การติดตั้งม็อดนั้นง่ายกว่าที่เคย และยังรวมฟีเจอร์ที่ใช้งานได้อย่างครอบคลุมมากที่สุดอีกด้วย
Forge API ทำให้ม็อดทุกตัวสามารถทำงานร่วมกันได้ก่อนเรียกใช้งาน จึงสามารถป้องกันไม่ให้เกม “ล่ม” เนื่องจากมีม็อดที่เข้ากันไม่ได้ หากคุณต้องการดูตัวเลือกอื่นเพิ่มเติม MultiMC ก็เป็นอีกตัวเลือกโอเพนซอร์สที่ดีที่ชุมชน Minecraft นิยมใช้กัน และยังมีโบนัสเพิ่มเติมตรงที่สามารถเรียกใช้อินสแตนซ์ของ Minecraft พร้อมกันได้ทีละหลายๆ ตัวอีกด้วย
การติดตั้ง Optifine ง่ายนิดเดียว เพียงคลิกที่หน้าดาวน์โหลดและติดตั้ง Optifine สำหรับ Minecraft ในเวอร์ชันที่คุณเล่น ตามหลักการแล้วควรเป็นเวอร์ชัน 1.14 หรือ 1.15 Forge (หรือตัวจัดการม็อดอื่นๆ) ก็มีวิธีติดตั้งในลักษณะเดียวกัน แต่อย่าลืมว่าต้องเปิดโปรไฟล์ "Forge" จาก Game launcher หรือตัวเรียกใช้เกมก่อน เพื่อให้สามารถเข้าถึงม็อดของคุณได้
จำไว้เสมอว่าม็อดบางตัว รวมถึง Shader นั้น ไม่สามารถใช้ได้กับทั้งสองโปรแกรม แต่ถึงอย่างนั้น การดาวน์โหลดทั้งสองโปรแกรมก็ยังสมเหตุสมผล เพราะสามารถใช้พร้อมกันเพื่อเรียกใช้หลากหลายม็อดร่วมกันได้
นอกจากนี้ อย่าลืมติดตั้ง Java ไว้เรียกใช้งานทั้ง Optifine และ Forge หลังจากที่คุณติดตั้งโปรแกรมทั้งสองแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการดาวน์โหลด Shader ต่างๆ นั่นเอง
หากกำลังมองหา Minecraft Shaders ที่ดีที่สุดอยู่ล่ะก็ ไม่ต้องห่วง เพราะมีอีกเพียบให้คุณเลือกใช้ คุณสามารถติดตามนักสร้างม็อดและเยี่ยมชมเว็บไซต์ของพวกเขาเพื่อเลือก Shader ที่พวกเขาสร้างไว้ แต่ถ้าคุณเริ่มจากศูนย์และไม่คุ้นเคยกับชุมชนนี้มากนัก แนะนำให้ลองเข้าชมเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการดัดแปลงม็อด Minecraft
มีเว็บไซต์ดีๆ มากมายให้คุณเลือกอ่าน ไม่ว่าจะเป็นMinecraftForum และ Planet หMinecraft ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของผู้สร้างม็อดจำนวนมากที่เข้ามาอัปโหลดม็อดของตัวเองตามที่เหล่านี้เป็นที่แรกๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงการค้นหา Minecraft Shaders ที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 7Minecraft และ 9Minecraft ซึ่งทั้งสองถือว่าเป็นม็อดหที่ออกแพ็ก Shader ให้เราเลือกมากที่สุดบนอินเทอร์เน็ต
ไม่ว่าคุณจะใช้เว็บไหน ก็สามารถดาวน์โหลดไฟล์ Shader ที่คุณต้องการและติดตั้งได้โดยตรง เพียงใช้ตัวจัดการม็อด Minecraft ที่คุณต้องการ
สิ่งที่ต้องทำมีเพียงการลากและวางไฟล์ Shader ลงในโฟลเดอร์ "shaderpacks" โฟลเดอร์นี้จะอยู่ภายในโฟลเดอร์ "mods" ที่อยู่ใน masterMinecraftfolder อีกที ซึ่งคุณสามารถค้นหาโฟลเดอร์นั้นได้ภายในโฟลเดอร์ "AppData" ที่อยู่ใน C: Drive
Minecraft 1.15 วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2019 แต่ม็อดส่วนใหญ่ รวมถึง Shader Pack ยังคงใช้ได้กับเวอร์ชัน 1.14 ณ วันที่เขียนบทความนี้ (มกราคม 2020) หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คุณต้องเรียกใช้ Minecraft 1.14 เพื่อให้สามารถใช้ Shader ได้
10 อันดับต่อไปนี้ คือ Minecraft 1.14 Shaders ที่ดีที่สุดที่น่าใช้ในปี 2022
Sonic Ether's Unbelievable Shaders(SEUS) คือ Minecraft Shader ที่ถูกยกให้เป็นมาตรฐานระดับทองคำมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งเป็นเพียง 2 ปีหลังจากที่ Minecraft เปิดตัวครั้งแรก ในช่วงเวลานั้นมีการพัฒนา Shader Pack นี้มามากมายหลายเวอร์ชัน นอกจากนี้ยังถือเป็นตัวเลือกระดับไฮเอนด์สำหรับผู้เล่น Minecraft ที่ต้องการสัมผัสทุกประสบการณ์ที่ Shader Pack จะมอบให้
สิ่งที่ Shader Pack นี้ทำได้ดีกว่า MinecraftShader อื่นเป็นส่วนใหญ่ คือการสร้างความสมจริง ด้วยการรวมแสงธรรมชาติที่นุ่มนวล เอฟเฟกต์ฝน และเอฟเฟกต์ที่คล้ายกัน เพื่อทำให้เกมดูสมจริงที่สุด
ด้วยเหตุนี้เอง คุณต้องไม่ลืมว่า SEUS เป็นหนึ่งใน Shader ที่กินทรัพยากรมากที่สุดในบรรดาตัวเลือกที่เรามานำเสนอ จึงเหมาะสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้เล่นเกมระดับไฮเอนด์เท่านั้น อย่างคอมพิวเตอร์ในซีรีส์ HP OMEN ของเรา ถ้าคอมแรงไม่พอ คุณอาจประสบปัญหาเกี่ยวกับการแสดงเอฟเฟกต์บางอย่างที่ Shader นี้สามารถทำได้
จุดเด่น: ความสมจริงระดับไฮเอนด์
จุดด้อย: คอมต้องแรงพอ
Sildur's Shaders มีอยู่มาระยะหนึ่งแล้วไม่ต่างจากตัวเลือกแรกของเรา และทั้งคู่ต่างก็เป็นชุด Shader ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจากชุมชน Minecraft Sildur's Shaders ต่างจาก SEUS ตรงที่ Sildur's เป็นมิตรต่อประสิทธิภาพของเกมมากกว่าเล็กน้อย
และแพ็กนี้สามารถปรับแต่งได้มากกว่าอีกด้วย ทั้งมาพร้อมกับการตั้งค่า 3 แบบ ได้แก่ พื้นฐาน (basic) ปรับปรุงแล้ว (enhanced) และมีชีวิตชีวา (vibrant) การตั้งค่าแต่ละแบบก็มีการปรับปรุงภาพในหลายระดับ และไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชันพื้นฐานหรือเวอร์ชันที่ได้ปรับปรุงแล้ว ก็น่าจะสามารถใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่
Sildur's Shaders แพ็คนี้จะเน้นการจัดแสงในเกมเป็นพิเศษ และช่วยปรับแสงแดดให้ดูเจิดจ้ามีชีวิตชีวามากขึ้นในโลกของเกม นอกจากนี้ยังสร้างเอฟเฟกต์สะท้อนแสง โดยการทำให้ดวงอาทิตย์สะท้อนเงาจากมหาสมุทรและแม่น้ำได้ และทำได้แม้กระทั่งส่องแสงลอดผ่านต้นไม้
ยิ่งไปกว่านั้น Shader Pack นี้ยังช่วยดึงสีสันในโลกของ Minecraft ออกมา เพื่อให้คุณได้ชื่นชมความสวยงามของเกมโดยไม่ต้องฝืนขีดจำกัดคอมพิวเตอร์อีกด้วย
จุดเด่น: เป็นมิตรต่อประสิทธิภาพของเกมและสามารถปรับแต่งได้
จุดด้อย: ใช้ได้กับคอมพิวเตอร์บางรุ่น
Lagless Shaders ออกแบบโดยคำนึงถึงด้านประสิทธิภาพโดยเฉพาะ ตามชื่อของตัวมันเอง ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าหรือคอมพิวเตอร์ราคาประหยัด แค่คุณสมบัตินี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้แพ็คนี้เป็นหนึ่งใน Shader Packs ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในชุมชนแล้ว เพราะสามารถทำงานบนระบบที่ยังคงใช้ชิปแพ็ก Intel® G41 Express ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ทั่วไปจากปี 2009
แม้ว่า Lagless Shaders จะไม่สามารถสร้างเอฟเฟกต์ได้มากเท่ากับบรรดา Minecraft Shaders ตัวอื่นๆ ใน 10 อันดับนี้ แต่ก็สามารถดึงความมีชีวิตชีวาของสีในโลกของเกมออกมาได้ทั้งหมดอย่างราบรื่นโดยทำได้ถึง 60 FPS
แต่ถ้าคุณใช้ Minecraft ในคอมพิวเตอร์ระดับไฮเอนด์หรือระดับกลาง คุณอาจต้องมองหา Shader อื่น เพราะแม้จะเป็นชุด Shader ที่ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมที่สุดในกลุ่ม แต่ก็ยังขาดฟีเจอร์บางอย่างที่แพ็กอื่นๆ มี อย่างไรก็ตาม Shader แพ็กนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถรันเกมพร้อมกับ Shader อื่นๆ ใน 10 อันดับของเราได้
จุดเด่น: เหมาะสำหรับคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า
จุดด้อย: มีเอฟเฟกต์น้อยกว่า Shader แพ็กอื่นใน 10 อันดับแนะนำของเรา
แม้ว่าKUDA Shadersจะเป็นหนึ่งใน Minecraft Shaders แพ็กใหม่ในบรรดา 10 อันดับนี้ เพราะเพิ่งเปิดตัวเวอร์ชันทางการเมื่อปลายปี 2018 และเป็นหนึ่งใน Shader ที่มีฟีเจอร์ครอบคลุมมากที่สุด ทั้งยังได้รับการชื่นชมอย่างล้นหลามจากบรรดาเกมเมอร์
KUDA Shader ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะใช้งานได้อย่างราบรื่นไม่ติดบั๊ก หรือปราศจากข้อบกพร่องนั่นเอง แม้จะให้เอฟเฟกต์จัดหนักอย่างหมอกที่ดูมีมิติในแบบที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งติดตามตัวผู้เล่นไปทุกที่ในโลกของเกมอีกด้วย
แพ็กนี้ยังเพิ่มจำนวนพิกเซลให้กับพื้นผิวธรรมดาๆ ของเกมต้นฉบับมากมายหลายแบบ ทำให้กราฟิกโดยรวมในเกมดูมีความละเอียดมากขึ้นด้วย เหตุผลนี้เราจึงไม่แนะนำให้คุณลองใช้ Shader Pack นี้ถ้าคุณมีแค่การ์ดจอออนบอร์ด เพราะอาจทำให้เกมช้าลงจนทำได้แค่ 20 FPS
จุดเด่น: ไม่มีบั๊กและมีเอฟเฟกต์หมอก
จุดด้อย: ต้องใช้การ์ดจอแยก (Dedicated GPU) เพื่อเลี่ยงปัญหาความล่าช้า
อาจไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับ Minecraft Shaders อื่นๆ ใน 10 อันดับนี้ แต่ CrankerMan's TME Shaders มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนอยู่อย่างหนึ่งตรงที่ สามารถใช้ได้กับเกมเวอร์ชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 1.15, 1.14,1.12.2, 1.11.2, 1.10.2 หรือ 1.9
ดังนั้น Shader Pack นี้จึงมีการอัปเดตเป็นประจำมากกว่า Shader Pack อื่นๆ เป็นส่วนใหญ่ และคุณยังมั่นใจได้อีกว่ามันจะเข้ากันได้กับ Minecraft ในเวอร์ชันใหม่กว่า
CrankerMan's TME Shaders มีเอฟเฟกต์มากมายที่น่าใช้ ทั้งยังช่วยปรับปรุงอัตราเฟรมของเกม อันที่จริงชื่อ "TME" ก็ย่อมาจาก "Ttoo many effects" หรือ "มีเอฟเฟกต์มากเกินไป" นั่นเอง
เอฟเฟกต์ที่ว่านี้มีตั้งแต่การเคลื่อนไหวของต้นไม้ เงาเมฆที่ดูสมจริง ที่กำลังเคลื่อนตัวตามก้อนเมฆที่ดูจะสมจริงยิ่งกว่า ไปจนถึงภาพในเกมที่โดยรวมดูเป็นสามมิติมากขึ้น
แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้เล่นทุกคนที่กำลังมองหาความสมจริงยิ่งกว่าเดิมจากโลก Minecraft แต่รับรองว่าสำหรับผู้เล่นที่มองหาสิ่งนั้น จะได้เพลิดเพลินไปกับการเพิ่ม TME Shaders ให้กับประสบการณ์การเล่นเกมของตัวเองอย่างแท้จริง
จุดเด่น: สามารถใช้ได้กับ Minecraft หลายเวอร์ชัน
จุดด้อย: ดูสมจริงเกินไปสำหรับผู้เล่นบางคน
GLSL ShadersMod เป็นอีกหนึ่ง Minecraft Shaders ที่เน้นความสมจริง ซึ่งเป็นที่นิยมหมู่เกมเมอร์ แม้ว่าม็อดนี้ยังคงใช้พื้นผิวแบบบล็อก (เรียกว่า "voxel") ที่เป็นความสวยงามเฉพาะตัวของ Minecraft แต่ก็มีความโดดเด่นกว่า Shader อื่น ตรงที่เพิ่มคอนทราสต์ระหว่างแสงและเงาเพื่อให้มีความสมดุลกันมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น GLSL Shaders Pack ยังใช้งานได้กับม็อดอีกมากมายหลายตัว ทำให้เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองและปรับแต่งเกมของตัวเอง
จุดเด่น: เข้ากันได้กับม็อดหลายตัว
จุดด้อย: ผู้เล่นต้องป้อนข้อมูลและตั้งค่าเอง
Triliton's Shaders Mod เป็นหนึ่งใน Minecraft Shaders ที่ใหม่กว่าตัวอื่นๆ ในบรรดา 10 อันดับของเรา และสร้างขึ้นเพื่อใช้กับการ์ดจอของ AMD เป็นหลัก หลังจากที่ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพไปแล้ว รับรองว่าผู้ใช้ AMD จะต้องอยากลองสิ่งนี้อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น Minecraft Shaders แพ็กนี้สร้างการเปลี่ยนแปลงในเกมที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดหมอกในร่ม และการเพิ่มตัวกรองสีที่ทำให้พาเลตสีของเกมเป็นปกติ
จุดเด่น: ตัวกรองสีที่อัปเกรดแล้ว
จุดด้อย: ใช้กับการ์ดจอ AMD เป็นหลัก
Robobo1221’s Shaders Mod ออกแบบมาสำหรับคอมพิวเตอร์ระดับไฮเอนด์โดยเฉพาะ และมีหลากหลายฟีเจอร์ที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ดี ไม่ว่าจะเป็นการปรับพื้นผิวน้ำให้เรียบเพื่อความใสสมจริง รวมถึงแสงที่เบาบางลงในตอนกลางคืน เมฆแบบมีมิติ และสภาพอากาศที่แปรปรวน
แม้ว่าใน 10 อันดับนี้จะมีม็อดที่เน้นความสมจริงมากมาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าม็อดนี้สามารถยกระดับประสบการณ์ไปอีกขั้นได้อย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น พื้นดินที่เปียกแฉะเมื่อฝนตก และต้นไม้ที่พริ้วไหวตามสายลม หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์ Minecraft ที่เน้นความสมจริงขั้นสุด ม็อดนี้ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน
จุดเด่น: มีความสมจริงยิ่งขึ้น
จุดด้อย: ใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ระดับไฮเอนด์เท่านั้น
Chocapic13’s Shaders Mod เป็นอีก Minecraft Shaders ที่มีความสมจริงขั้นสุด แต่ค่อนข้างมีสมดุลระหว่างคุณภาพและประสิทธิภาพมากกว่าตัวอื่น จึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า สำหรับเกมเมอร์ที่ไม่ได้มีคอมพิวเตอร์แรงๆ
หากถามว่าม็อดนี้ให้อะไรกับเกมบ้าง ก็คงบอกได้ว่า Chocapic13’s Shaders ช่วยให้คุณปรับแต่งสีของโลกในเกมให้ตรงกับรูปร่างหน้าตาที่ต้องการได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มหมอกและเอฟเฟกต์สภาพอากาศอื่นๆ ที่ควบคุมได้อีกด้วย
จุดเด่น: เหมาะสำหรับคอมพิวเตอร์ระดับกลาง
จุดด้อย: ประสิทธิภาพไม่สูงเท่าตัวอื่นๆ ในบรรดา 10 อันดับของเรา
Continuum ShadersMods เน้นให้ความรู้สึกเสมือนอยู่ในภาพยนตร์มากขึ้น ทำให้เป็นม็อดนี้กลายเป็นที่สุดแห่งความสมจริงในบรรดา 10 อันดับของเรา ผู้เล่นจึงต้องใช้การ์ดจอที่ทันสมัยและไม่ควรใช้งานร่วมกับอย่างอื่น
ด้วยแสงและเมฆที่มีมิติ รวมถึงเอฟเฟกต์สภาพอากาศที่เป็นไปตามลำดับขั้นตอนธรรมชาติ ทำให้ Minecraft Shaders นี้ขยายขอบเขตของสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ในเกมอย่างแท้จริง เจ้าม็อดตัวนี้นับว่าเป็นหนึ่งใน Shader ที่มีคุณภาพสูงสุดที่มีอยู่เลยทีเดียว
จุดเด่น: สมจริงที่สุดใน 10 อันดับของเรา
จุดด้อย: ต้องใช้การ์ดจอแยก (Dedicated GPU) ที่มีคุณภาพสูง
Minecraft Shaders พลิกโฉมประสบการณ์ในการเล่นเกมของคุณโดยสิ้นเชิง ด้วย Shader Pack ที่มีหลากหลายละลานตา การเลือกว่าจะเปลี่ยนโลกของเกมอย่างไรจึงถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย
แม้จะมี Shader Pack ระดับไฮเอนด์มากมาย แต่เราขอแนะนำให้ลองใช้แพ็กที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าและกินทรัพยากรน้อยกว่า ด้วยวิธีนี้ คุณจะประเมินได้อย่างแม่นยำว่าต้องการเปลี่ยนโลกในเกมจากอินสแตนซ์ต้นฉบับอย่างไรบ้าง
ผู้เล่นที่ยังใหม่กับ Minecraft Shaders ควรลองใช้ Sildur's Shaders ก่อน เพราะแพ็กนี้มีฟีเจอร์ที่หลากหลายและดีที่สุด ทั้งยังมีตัวเลือกให้ปรับแต่งได้มากที่สุดอีกด้วย ช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการทำงานของ Shader ได้ดียิ่งขึ้น
หลังจากนั้น ทุกอย่างก็อยู่ที่คุณเลือกแล้ว ตั้งแต่แพ็กที่ยกระดับประสบการณ์อย่าง Continuum Shaders ไปจนถึงม็อดที่เรียบง่ายอย่าง GLSL Shaders แล้ว ยังมีความสุดยอดอีกมากมายที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับการเล่น Minecraft ของคุณ
วันจันทร์ - วันศุกร์ 8.30 – 17.30 น.
( ยกเว้นวันหยุดราชการ )
วันจันทร์ - วันศุกร์ 8.30 – 17.30 น.
( ยกเว้นวันหยุดราชการ )