12 เกมเด็กฟรีที่ดีที่สุดบนคอมพิวเตอร์

การเล่นวิดีโอเกมไม่เพียงแต่จะสร้างความเพลิดเพลินให้วัยรุ่นและผู้ใหญ่ติดหนึบกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานหลายชั่วโมง แต่ยังให้ประโยชน์กับเด็กๆ อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองจะต้องเลือกเกมที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้เด็กๆ สามารถสนุกสนาน เรียนรู้ และเติบโตไปกับการเล่นเกม ในบทความนี้ เราได้รวบรวมเกมเด็ก PCที่ดีที่สุด 12 เกม จะมีเกมอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

1. RollerCoaster Tycoon 3 โดย Frontier Developments

หมวดหมู่: ปลอดความรุนแรง, การศึกษา, การก่อสร้าง

ช่วงอายุ: 10+

อะไรจะดีไปกว่าการเที่ยวสวนสนุกที่เต็มไปด้วยรถไฟเหาะสุดระทึก บางทีอาจเป็นการสร้างและจัดการสวนสนุกที่เต็มไปด้วยรถไฟเหาะสุดระทึกก็ได้ RollerCoaster Tycoon 3 ให้ผู้เล่นสร้างและจัดการสวนสนุกเพื่อหารายได้จากบรรดาลูกค้า (เรียกว่า "peeps") และออกแบบรถไฟเหาะตามต้องการเพื่อ "ขี่" ในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง

RollerCoaster Tycoon 3 เป็นเกมวางแผน/จำลองสถานการณ์/การจัดการที่ให้ผู้เล่นควบคุมทุกแง่มุมของการวางแผนและการสร้างสวนสนุกเพื่อความสนุกและผลกำไรสูงสุด โดยลูกค้าในช่วงเวลากลางวันและกลางคืนจะเป็นผู้คนจากประเภทและกลุ่มอายุที่แตกต่างกัน ซึ่งก็จะมีประเภทของรถไฟเหาะที่ชื่นต่างกัน

ความท้าทายของเกมนี้อยู่ที่การการวางแผนสวนสนุกที่สนุกและออกแบบมาอย่างดี การจัดการให้ดอกไม้ไฟระเบิดอย่างเหมาะเจาะเมื่อรถไฟเหาะดิ่งลงและตีลังกาและการเก็บรายได้จากเหล่า "peeps" เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสนุกเท่านั้น

เพราะความสนุกที่แท้จริงคือการได้เห็นผลงานและสัมผัสความตื่นเต้นเมื่อได้นั่งลงในรถไฟเหาะที่คุณออกแบบและสร้างขึ้นเองต่างหาก นอกจากนี้ยังมีโหมดแซนด์บ็อกซ์ที่ปิดส่วนการจัดการและมีวัสดุให้ใช้ไม่จำกัดเพื่อให้เด็กๆ สามารถสร้างสวนสนุกตามจินตนาการของตนเองได้อย่างเต็มที่

2. Lego Star Wars: The Complete Saga โดย Traveller's Tales

หมวดหมู่: แอ็กชัน, การต่อสู้ในรูปแบบของเล่น, ของสะสม, การปลดล็อก

ช่วงอายุ: 7+

Lego® คือแบรนด์ของเล่นที่ครองใจเด็กๆ มาเนิ่นนาน เสน่ห์ที่ยากจะปฏิเสธของ Lego คือความสามารถในการสร้างสิ่งที่เรารักให้เป็นรูปแบบบล็อกที่เรียบง่ายและมองออกได้ง่ายดาย ซึ่งสื่อถึงความ "สนุก" ได้ในทันที ขณะเดียวกัน Star Wars ก็เป็นสิ่งที่ครองใจเด็กๆ มานานกว่า 40 ปี ดังนั้นการนำสองสิ่งนี้มารวมเข้าด้วยกันเป็นวิดีโอเกมจึงน่าจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

เกม Lego Star Wars ออกวางจำหน่ายมาแล้วหลายเกมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยนำเอาเรื่องราวจากในภาพยนตร์มาเล่าใหม่อีกครั้งผ่านด่านแอ็กชัน/ปริศนา/แพลตฟอร์มที่สามารถเล่นได้ พร้อมด้วยอารมณ์ขันและไดนามิกการสร้างในแบบฉบับของ Lego ที่เติมเต็มทุกเกมให้สนุกจนวางไม่ลง

Lego Star Wars: The Complete Saga นำเอาเกม Lego Star Wars ทั้งหมดมารวมไว้ในแพ็กเกจเดียวพร้อมการอัปเดตกราฟิกที่สวยงาม ช่วยให้ผู้เล่นสามารถสำรวจและเลือกเล่น "ตอน" ต่างๆ ได้ตามที่ต้องการด้วยการเลือกใน Mos Eisley Cantina ซึ่งเป็นฮับที่ออกแบบอย่างชาญฉลาดในเวอร์ชัน Lego

การเล่นโหมดเนื้อเรื่องให้จบทุกตอนและทุกระดับอาจใช้เวลา 13 ถึง 20 ชั่วโมงสำหรับเกมเพลย์โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือก โหมด ตัวละครที่ปลดล็อกได้ และของสะสมอีกมากมายอยู่ในแพ็กเกจเดียว การเล่นโหมดเนื้อเรื่องจนจบเป็นเพียง 30% ของความสำเร็จที่มีให้เก็บสะสมภายในเกมเท่านั้น

Lego Star Wars: The Complete Saga คือเกมเด็กในคอมแนวแอ็กชันที่สนุกและเล่นง่ายสำหรับน้องๆ ที่มาพร้อมความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจให้สะสมสำหรับแฟน Star Wars (รุ่นใหญ่ขึ้น) ที่ต้องการไล่ล่าความสำเร็จให้ครบถ้วน

3. Cuphead โดย StudioMDHR

หมวดหมู่: แอ็กชันสไตล์ย้อนยุค, ศิลปะแหวกแนว

ช่วงอายุ: 12+

Cuphead เป็นหนึ่งในวิดีโอเกมที่สวยงามที่สุดที่คุณจะได้เล่น และยังเป็นหนึ่งในเกมที่เล่นจบยากที่สุดเช่นกัน เกมอินดี้ยอดนิยมสไตล์ "วิ่งและยิง" นี้มีกราฟิกที่คล้ายคลึงกับการ์ตูนแอนิเมชันสุดคลาสสิกยุคแรกเริ่มที่วาดด้วยมือของ Disney และ Fleischer Studios ลองนึกถึงเกมคลาสสิกแบบเดินไปด้านข้างของ NES ในยุคแรกๆ อย่าง Contra หรือเกมสุดฮิตในยุคต่อมาอย่าง Gunstar Heroes ที่ให้ความรู้สึกเหมือนผู้เล่นกำลังควบคุมตัวการ์ตูนที่มีชีวิตจริงๆ

ตัวละครตามชื่อของเกม (ถ้วยมีชีวิตที่มีแขนและขาที่ออกแบบมาอย่างแปลกตา) อาศัยอยู่กับ Mugman น้องชายของเขาที่ Inkwell Isles ดินแดนมหัศจรรย์ที่เปี่ยมด้วยสีสันและชีวิตชีวา การ์ตูนตอนเปิดเกมมีภาพและเสียงที่คล้ายกับมาจากคลังผลงานชิ้นเอกของสตูดิโอเก่าแก่ที่วาดด้วยมือ พร้อมด้วยริ้วรอยบน “แผ่นฟิล์ม” และเติมเต็มด้วยดนตรีประกอบย้อนยุคสไตล์บาร์เบอร์ช็อป

สองพี่น้องได้ก้าวเข้าสู่ "The Devil's Casino" และเป็นผู้ชนะในเกมพนันแต้มลูกเต๋าติดต่อกันหลายครั้ง แต่พวกเขาไม่สนใจคำแนะนำของ Elder Kettle และไม่หยุดเล่นในขณะที่กำลังได้เปรียบ จนในที่สุดก็เอาวิญญาณของตัวเองมาวางเดิมพัน และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการพนัน พวกเขาได้รับโอกาสครั้งสุดท้ายคือให้ออกเดินทางไปทั่ว Inkwell Isle เพื่อรวบรวม "สัญญาวิญญาณ" ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่อาศัยอยู่ที่นั่นและนำกลับมา แล้วพวกเขาอาจจะรอด

ผู้เล่นจะรู้สึกราวกับกระโดดเข้าสู่ซีรีส์แอนิเมชันที่งดงามเพื่อต่อสู้อย่างยาวนานกับบอสสุดโหดที่มีรูปแบบการโจมตีที่หลากหลายในสไตล์ของตัวการ์ตูนยักษ์จากทศวรรษที่ 1930 นี่คือจดหมายรักที่ส่งถึงเกมสุดหินจากสมัยเก่า ไม่ว่าจะเป็น Mega Man หรือ Contra และยังเป็นจดหมายรักถึงสไตล์ศิลปะและแอนิเมชันที่พบเห็นได้ยากในยุคปัจจุบันที่เป็นช่วงเวลาของการสร้างงานภาพด้วยคอมพิวเตอร์ (CGI)

อย่างไรก็ตาม เกมนี้อาจสร้างความหงุดหงิดให้กับเด็กเล็กจนถึงขั้นขว้างคอนโทรลเลอร์ลงบนพื้นได้เมื่อพวกเขาความพ่ายแพ้ต่อดอกไม้ยักษ์ที่เป็นบอสประจำเลเวลเป็นครั้งที่ 20 แต่เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปอาจเกิดความชื่นชมในความยากลำบากและความพยายามของเกมเมอร์รุ่นพ่อแม่ในการเอาชนะเกมเก่าที่ดูยากเสียจนแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเล่นจบ

แม้จะเป็นเกมที่ยาก แต่ก็ยังแฟร์กับผู้เล่นเสมอ ด้วยรูปแบบการควบคุมแพลตฟอร์มที่เรียนรู้ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการกระโดด การยิง และการหลบหลีก แต่ถึงอย่างนั้น Cuphead ก็ต้องการให้คุณเล่นได้อย่างเชี่ยวชาญเพื่อที่จะผ่านไปสู่ด่านต่อไป และรางวัลที่ผู้เล่นจะได้รับจากการฟันฝ่าอุปสรรคสุดหินคือการได้รับชมแอนิเมชันที่น่าประทับใจที่สุดที่คุณอาจได้เห็นในการเล่นเกม

4. Goosebumps: The Game โดย WayForward

หมวดหมู่: การอ่าน/ปริศนา, การคิดอย่างมีวิจารณญาณ

ช่วงอายุ: 9+

Goosebumps คือชุดหนังสือยอดนิยมของ RL Stine ที่แนะนำให้เด็กๆ รู้จักกับโลกแห่งเรื่องสยองขวัญอันน่าสะพรึงกลัวแต่นำเสนอให้เหมาะสมกับช่วงอายุของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของมนุษย์หมาป่า แวมไพร์ มัมมี่ และหุ่นกระบอกผีสิง ชุดหนังสือนี้เปรียบเสมือนบทฝึกหัดก่อนที่พวกเขาจะได้สัมผัสกับผลงานของ Steven King หรือ Dean Koontz เมื่อเติบโตขึ้น

และเมื่อมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย Jack Black สิ่งย่อมตามมาก็คือ Goosebumps: The Game วิดีโอเกมที่เกมเมอร์รุ่นเยาว์จะได้สนุกกับเรื่องราวการผจญภัยไขปริศนาในสไตล์พอยต์แอนด์คลิก ซึ่งเต็มไปด้วยการอ้างอิงเนื้อหาจากชุดหนังสือขายดีในตำนาน

เกมนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่เกมที่ผู้เล่นต้องอ่านหนังสือเพื่อให้ได้อรรถรสสูงสุดในการเล่น เด็กที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องราวและตัวละครอาจไม่มีแรงจูงใจมากพอที่จะไขปริศนาต่อไปจนจบ

5. Yooka-Laylee โดย Playtonic Games

หมวดหมู่: เกมแพลตฟอร์มย้อนยุค, ตัวละครสไตล์การ์ตูน

ช่วงอายุ: 9+

วิดีโอเกมถือเป็นสมบัติของยุคสมัย การนำเกมที่อยู่ในความทรงจำของเด็กๆ ยุคก่อนมาสร้างใหม่หรือสร้างภาคต่อยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด ด้วยแรงสนับสนุนของคนรุ่นพ่อแม่ของคอเกมรุ่นใหม่ซึ่งเติบโตมากับเกมบนคอนโซลที่ในปัจจุบันได้รับการขนานนามว่า "Retro"

หนึ่งในเกมเหล่านั้นคือ Banjo-Kazooie ซึ่งพัฒนาขึ้นสำหรับ Nintendo 64 โดย Rare studio นำมาสู่ภาคต่อทางจิตวิญญาณอย่าง Yooka-Laylee ซึ่งเกิดขึ้นจากโครงการพัฒนา Kickstarter ที่ได้รับทุนเต็มจำนวน โดยนำเอาสไตล์การเล่นและแพลตฟอร์มของ Banjo-Kazooie กลับมาให้สัมผัสอีกครั้ง ผู้คนยังคงโหยหาวันเวลาอันเรียบง่ายและน่าประทับใจของการเล่นเกมในอดีต ส่งผลให้โครงการนี้สามารถระดมทุนได้ถึงขั้นทำลายสถิติ และประสบความสำเร็จมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้เป็นอย่างมาก

Yooka-Laylee นำเอาองค์ประกอบและทักษะด้านเกมเพลย์ดั้งเดิมกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการกระโดดข้ามแพลตฟอร์ม การไขปริศนา และการค้นหาความลับ เช่นเดียวกับในสมัยก่อน พร้อมด้วยการออกแบบสไตล์การ์ตูนที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ก็ไม่ลืมที่จะอัปเดตให้มีความทันสมัย อย่างไรก็ตาม การนำลักษณะการออกแบบเกมที่มีอายุมากกว่า 20 ปีกลับมาใหม่อีกครั้งก็อาจเป็นดาบสองคม

เด็กที่กำลังหัดเล่นเกมอาจได้พบกับบทแนะนำคอนเซปต์ที่สำคัญและช่วยสร้างทักษะและปฏิกิริยาตอบสนอง รวมถึงยังช่วยให้พวกเขาเข้าใจองค์ประกอบในการสร้างเกม รูปแบบของการออกแบบเลเวล และการค้นหาพื้นที่ลับ ผู้เล่นที่มีอายุมากขึ้นอาจรู้สึกว่า Yooka-Laylee มีความย้อนยุคมากเกินไปหน่อย แต่เด็กที่เพิ่งเคยพบกับเกมเพลย์ลักษณะนี้เป็นครั้งแรกก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงความสำเร็จในแบบเดียวกับที่พ่อแม่เคยรู้สึกเมื่อยังเด็ก

6. Minecraft โดย Mojang

หมวดหมู่: การก่อสร้าง, แซนด์บ็อกซ์, เล่นแบบผ่อนคลายหรือจริงจังก็ได้

ช่วงอายุ: 6 ถึง 100

Minecraft เป็นเกมสุดคลาสสิกและเป็นเกมออนไลน์สำหรับเด็กที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเกมหนึ่ง เกมก่อสร้างบล็อกนี้มีการออกแบบที่เรียบง่ายอย่างไม่น่าเชื่อและสามารถปรับแต่งได้แทบทุกอย่างที่ต้องการ เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกวัยและทุกระดับของการเล่น มีรูปแบบการควบคุมที่เด็กเล็กสามารถเข้าใจได้ง่ายเพื่อทำลายและสร้างบล็อกประเภทต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และนำบล็อกมาวางซ้อนและจัดเรียงให้เป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนขึ้น

คุณสามารถเลือกที่จะเล่นและปรับตั้งค่าใน Minecraft ให้เป็นสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่เพื่อการเล่นที่ผ่อนคลายด้วยวัสดุมีไม่จำกัดสำหรับสร้างหมู่บ้านและอุโมงค์ รวมถึงและออกแบบบ้านจำลองหรือสร้างผลงานประติมากรรม

หรืออาจปรับให้เป็นเกมจำลองการเอาชีวิตรอด โดยให้ตัวละครที่ดูคล้ายของเล่นของคุณเป็นผู้สร้างโลกโดยลำพัง ซึ่งคุณต้องสร้างเครื่องมือ รวบรวมทรัพยากร ขุดหาวัตถุดิบ และเอาชีวิตรอดในภูมิประเทศรูปทรงบล็อกที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่โง่เขลาแต่น่ากลัวอย่าง Creepers และ Zombie Pig Men

หรืออาจเล่นแบบร่วมมือ สร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน พี่น้อง หรือเด็กคนอื่นๆ ทั่วประเทศและทั่วโลก

การเล่นเกมจนถึงระดับสูงจะทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การเขียนโค้ดและเขียนโปรแกรม ซึ่งจะให้รางวัลตอบแทนในทันทีที่พวกเขาได้เห็นผลลัพธ์ของการใช้ทักษะใหม่ๆ ใน "โลก" ของพวกเขาเอง นี่คือซอฟต์แวร์ที่หาได้ยากซึ่งเป็นทั้งเกมและแพลตฟอร์มสำหรับสร้างเกมในเวลาเดียวกัน Minecraft คือเกมโปรดตลอดกาลสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 6 ถึง 60 ปี และสมควรมีไว้ในคลังเกมและประสบการณ์ชีวิตของทุกคน

7. Roblox โดย Roblox Corporation

หมวดหมู่: ผ่อนคลาย, ก่อสร้าง, สังคม, ขยายได้

ช่วงอายุ: 8 ถึง 18

Roblox นำเอาคอนเซปต์ Minecraft มาใช้เพื่อและแนะนำเด็กๆ ให้รู้จักกับโลกเกมผู้เล่นหลายคนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมและการปรับแต่งมากมาย แม้ว่าตัวของมันเองจะไม่ใช่เกมอย่างแท้จริง แต่ก็เป็นตลาดและศูนย์รวมมินิเกมแบบโฮมบรูว์ และเป็นสถานที่ซึ่งผู้เล่นแบ่งปันประสบการณ์ที่ตนได้สร้างขึ้นเองโดยใช้เครื่องมือสร้างเกม จำนวนผู้ใช้มากกว่า 90 ล้านคนต่อเดือนคือข้อพิสูจน์ว่า Roblox มาถูกทางแล้ว

ผู้เล่นสามารถสร้าง ซื้อ และขายไอเท็มในเกมด้วยสกุลเงินเสมือน “Robux” แล้วออกสำรวจและเพลิดเพลินไปกับเกมและโลกที่มีการพัฒนาใหม่อย่างต่อเนื่องจากฝีมือของผู้เล่นรายอื่น

พ่อแม่ที่มีลูกที่ชื่นชอบ Roblox และรู้จักสร้างมินิเกมและไอเท็มด้วยตัวเองควรทราบว่านี่ไม่ใช่เกมที่คุณต้องเสียเงินเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น เพราะผู้ใช้ Roblox ที่ขายสิทธิ์ในการเข้าถึงผลงานสร้างสรรค์ของตนเองจะได้รับส่วนแบ่งรายได้ในโลกแห่งความเป็นจริงเป็นค่าตอบแทนสำหรับผลงานในโลกเสมือน ถ้าลูกของคุณเก่งพอที่จะสร้างเกม Roblox ได้ พวกเขาก็อาจหารายได้มากพอที่จะส่งตัวเองเรียนจนจบมหาวิทยาลัยได้เลยนะ [1]

8. Kerbal Space Program โดย Squad

หมวดหมู่: การศึกษา, วิทยาศาสตร์, การเรียนรู้ประยุกต์

ช่วงอายุ: 13+

ว่ากันว่าการจะเล่นวิดีโอเกมที่มีฉากหลังเป็นอวกาศให้เชี่ยวชาญนั้นไม่ต้องอาศัยศาสตร์ในการสร้างจรวดแต่ Kerbal Space Program คือข้อยกเว้นเพราะ Kerbal Space Program เป็นเกมเกี่ยวกับการสร้างและส่งจรวดสู่อวกาศ

แต่การปล่อยจรวดในเกมนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนการชี้เมาส์และคลิกเพื่อส่งนกทะยานสู่อากาศแบบ “Angry Birds” เพราะนี่คือเกมจำลองสถานการณ์ของโปรแกรมอวกาศที่เต็มเปี่ยมด้วยรายละเอียด นำเสนอในรูปแบบเกม "แซนด์บ็อกซ์" ซึ่งคุณจะควบคุมหน่วยงานอวกาศที่จัดตั้งขึ้นใหม่ของ "Kerbals" (มนุษย์สีเขียวตัวจิ๋ว) และได้รับเครื่องมือในการพัฒนา ทดสอบ และพาหนะสำหรับบินในอากาศและอวกาศ

เกมนี้ไม่ใช้การควบคุมแบบอาร์เคดและฟิสิกส์ แต่อาศัยกลไกการโคจรแบบสมจริง (แม้จะสามารถทำความเข้าใจได้และ "ปรับให้มีความเป็นเกมแล้ว") และพิจารณาถึงไดนามิกของวัตถุท้องฟ้าแบบนิวตัน ตัวอย่างเช่น หากต้องการควบคุมการลงจอดบนดวงจันทร์ คุณจะต้องทำการควบคุมจริงๆ เพื่อลงจอดบนดวงจันทร์

นี่ไม่ใช่เกมที่เข้าถึงได้ง่ายนักและอาจไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่ต้องการความสะดวกสบายและผลตอบแทนที่รวดเร็วเช่น Minecraft หรือ Roblox แต่ก็ให้ความรู้สึกถึงความสำเร็จและความเข้าใจอย่างแท้จริงแก่เด็กโตที่อาจหลงใหลในความซับซ้อนของวิทยาศาสตร์จรวดที่แท้จริง และให้ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้ที่ตั้งใจเรียนรู้และสำรวจ

9. Typing of the Dead: Overkill โดย Modern Dream

หมวดหมู่: เสริมทักษะ, อารมณ์ขันปนสยอง, ความตึงเครียดที่น่าตื่นเต้น

ช่วงอายุ: 13+

นี่คือลูกผสมของเกมจำลองการพิมพ์และเกมยิงซอมบี้ น่าลองดูสักตั้งใช่ไหมล่ะ ทุกองค์ประกอบของ Typing of the Dead: Overkill ล้วนเหลือเชื่อ แปลก และตลก ซึ่งรวมถึงการมีอยู่ของเกมนี้ด้วย สตูดิโอผู้พัฒนาเกมนี้ได้ปิดตัวลงอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าสู่ธุรกิจการเขียนโปรแกรม แต่ได้โน้มน้าว Sega ให้อนุญาตพวกเขาให้พัฒนาเกมจนเสร็จสมบูรณ์ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ การเขียนโค้ดอันยาวนานในตำนานจึงเกิดขึ้น และทีมงานก็ได้ฝากไว้ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่สนุก ตลก และน่าติดตามอย่างคาดไม่ถึง

ใน Typing of the Dead: Overkill ผู้เล่นจะต้องพิมพ์วลีบนหน้าจออย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการโจมตีจากซอมบี้ที่กำลังบุกเข้ามา โดยเกมนี้อยู่ร่วมจักรวาลเดียวกับ House of the Dead เกมสายลับควงปืนพกถล่มรังซอมบี้สุดมันส์ที่เป็นแฟรนไชส์ของ Sega นั่นเอง ผู้เล่นต้องอาศัยทักษะการพิมพ์ที่รวดเร็วแทนการยิงปืน และยอมรับความหลุดโลกของเรื่องราวทั้งหมด ในขณะเดียวกันเกมก็ยังคงมอบความท้าทายด้วยการทดสอบความแม่นยำและความเร็ว จึงเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานสำหรับเด็กๆ ในวัยที่โตพอจะดู The Walking Dead ได้แล้ว

10. LightBot โดย Lightbot, Inc.

หมวดหมู่: ปราศจากความรุนแรง, การศึกษา, การสอนแบบมีโครงสร้าง

ช่วงอายุ: 5 ถึง 9

LightBot เป็นเกมเชิงการศึกษาที่สอนคอนเซปต์การเขียนโค้ดสำหรับเด็กและทักษะการแก้ปัญหาด้วยภาพ ราวกับเป็นส่วนผสมระหว่างเกม Q-Bert และคาบเรียนคณิตศาสตร์ ผู้เล่นจะต้องควบคุมหุ่นยนต์ให้เดินไปยังบล็อกต่างๆ ที่จะเปลี่ยนสีเมื่อเหยียบโดยใช้การแมปชุดรหัสเพื่อออกคำสั่งให้หุ่นยนต์เดินไปยังทิศทางต่างๆ แทนการใช้ปุ่มทิศทางหรือคอนโทรลเลอร์ในเกมทั่วไป

LightBot คือหนึ่งในเกมการศึกษาที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก ซึ่งเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เรียนรู้วิธีแก้ไขข้อบกพร่องของโค้ดหากพวกเขาเขียนโค้ดผิดพลาด นี่คือเกมที่รวบรวมชุดทักษะในโลกแห่งความเป็นจริงและวิธีการคิดในแบบที่ทั้งสนุกและให้ความรู้ในวงกว้าง

11. Sid Meier’s Civilization โดย MicroProse

หมวดหมู่: กลยุทธ์, เทิร์นเบส, เกมใช้ความคิด

ช่วงอายุ: 10+

แฟรนไชส์เกมคอมพิวเตอร์ Sid Meier's Civilization เริ่มขึ้นในปี 1991 โดยเป็นผู้บุกเบิกวิดีโอเกมแนววางกลยุทธ์ที่คล้ายกับเกมกระดานประเภท "4X" ซึ่งย่อมาจาก "eXplore, eXpand, eXploit และ eXterminate" ซึ่งผู้เล่นจะต้องดวลกันบนแผนที่โลกเพื่อแย่งชิงที่ดิน ทรัพยากร กองกำลัง และเอาชนะผู้เล่นอื่น

หัวใจสำคัญของเกมนี้คือการนำเอาองค์ประกอบต่างๆ จากเกมกระดานในตำนาน Risk มาเพิ่มด้วยเลเยอร์ ระบบ และการปรับเปลี่ยน นี่คือแฟรนไชส์เกมที่เติบโตขึ้นตามกาลเวลา แต่ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ที่เป็นอมตะของเกมเพลย์แบบเทิร์นเบสเพื่อสร้างอารยธรรมและพัฒนาผู้ตั้งถิ่นฐานแห่งยุคแรกเริ่มให้กลายเป็นมหาอำนาจระดับโลก

12. The Oregon Trail โดย MECC

หมวดหมู่: คลาสสิกเหนือกาลเวลา, การเดินทาง ช่วงอายุ: 9+

คุณได้เสียชีวิตลงด้วยโรคบิด

ข้อความนี้ถูกส่งไปยังนักเล่นเกมผู้บุกเบิกตั้งแต่ยุคบุกเบิกของวิดีโอเกม เชื่อหรือไม่ว่าเกมแนว “บันเทิงคดี” ฉบับดั้งเดิมอย่าง The Oregon Trail เริ่มต้นขึ้นในปี 1971 (!!) ในรูปแบบของโครงการเขียนโปรแกรมแนวผจญภัยที่ใช้ข้อความล้วนบนระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการทดลองที่ใช้ร่วมกันในโรงเรียน

ประวัติของเกมนี้มีความเกี่ยวข้องกับ HP® เนื่องจากครูวิชาประวัติศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 8 และนักศึกษาวิทยาลัย Don Rawitsch พร้อมด้วยเพื่อนนักศึกษา Bill Heinemann และ Paul Dillenberger ได้ใช้ HP Time-Shared BASIC ที่ทำงานบนมินิคอมพิวเตอร์ HP 2100 เพื่อเขียนโปรแกรมเริ่มต้น [2] โปรแกรมนี้สอนเด็กๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เล็กๆ น้อยๆ ของการตั้งถิ่นฐานของประเทศ กลยุทธ์เล็กน้อย และการพึ่งพาโชคอีกเล็กน้อย นับแต่นั้นมา โปรแกรมนี้ก็ได้กลายเป็นมาตรฐานทางวัฒนธรรมมาโดยตลอด

Oregon Trail ถูกสร้างใหม่และเปิดตัวครั้งใหม่ในยุคแรกเริ่มของการใช้คอมพิวเตอร์ Apple ในห้องเรียน (นั่นคือ Apple IIe, Apple สีเขียวแบบข้อความบนหน้าจอสีดำก่อนที่จะมี Mac) และในยุค 90, ยุค 2000 และในปัจจุบัน ความตายด้วยโรคบิดบนเส้นทางสู่โอเรกอนได้มอบความสนุกสนานให้เด็กๆ มาแล้วหลายยุคสมัย

[1] VentureBeat; The DeanBeat: Roblox’s kid developers make enough ‘robux’ to pay for college

[2] Vice; The Forgotten History of 'The Oregon Trail,' As Told By Its Creators