พบกับ 3 วิธีการชาร์จแล็ปท็อปโดยไม่ใช้เครื่องชาร์จ

ลองจินตนาการว่าคุณไปเที่ยวนอกเมืองในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ดู ซึ่งอาจจะไปงานแต่งงานของเพื่อน หรือไปเที่ยวชายหาดกับครอบครัว หรือไปตั้งแคมป์ค้างแรมกับเพื่อน ๆ คุณตัดสินใจนำแล็ปท็อปติดตัวไปด้วย เพราะคิดว่าน่าจะดีหากได้ชมภาพยนตร์ ทำงาน หรือเล่นเกมในขณะที่พักผ่อน แม้คุณอยู่ไกลบ้าน แต่แล็ปท็อปจะช่วยให้คุณไม่รู้สึกว่าห่างไกลจากบ้านเลย

แย่แล้ว! ขณะที่คุณกำลังนำของออกจากกระเป๋าในห้องพักโรงแรม คุณเพิ่งจะมารู้ทีหลังว่าลืมพาเครื่องชาร์จแล้ปท็อปมาด้วย (หรืออาจแย่ไปกว่านั้น คือคุณลืมมันไว้ที่จุดบริการปลั๊กเสียบที่สนามบิน) แล็ปท็อปของคุณเหลือแบตเตอรี่เพียง 10% ดูเหมือนคุณจะต้องไปเที่ยวโดยไม่มีมันเสียแล้ว เช่นนี้คงต้องให้เจ้านายรออีเมลสำคัญที่จะต้องส่งให้ไปก่อน

แต่เดี๋ยวก่อน! มันไม่จำเป็นต้องลงเอยแบบนี้สิ เชื่อหรือไม่ ว่าคุณสามารถชาร์จแบตเตอรี่แล็ปท็อปได้โดยไม่ต้องง้อเครื่องชาร์จแบบมาตรฐานก็ได้ มันชาร์จง่ายกว่าที่คิด ซึ่งคุณควรจะรู้และทำได้หากคุณคือผู้ใช้งานในสมัยศตวรรษที่ 21 และชอบพกแล็ปท็อปไปไหนมาไหนอยู่ตลอด

การชาร์จแล็ปท็อปไม่ได้มีเพียง 1 หรือ 2 วิธี แต่มีถึง 3 วิธีที่แตกต่างกัน หากคุณลืมเครื่องชาร์จไป

จะชาร์จแล็ปท็อปโดยไม่ใช้เครื่องชาร์จได้อย่างไร

แล็ปท็อปทุกตัวมาพร้อมกับแบตเตอรี่ในตัว ในการชาร์จแบตเตอรี่ คุณเพียงแค่ต้องจ่ายไฟให้มันเท่านั้น โดยส่วนใหญ่เรามักจะเสียบปลั๊กแล็ปท็อปเข้าไปในเต้าเสียบที่บ้าน และไฟฟ้าจะถ่ายเทผ่านสายเคเบิลเข้าสู่แบตเตอรี่

เครื่องชาร์จแล็ปท็อปน่าจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการในการจ่ายไฟสู่แบตเตอรี่แล็ปท็อปของคุณ แต่ก็มีวิธีอื่นที่ทำได้เช่นกัน สิ่งที่คุณต้องการมีดังนี้

  • แหล่งจ่ายพลังงาน
  • สิ่งที่สามารถจ่ายไฟไปยังแบตเตอรี่ได้

มาดูกันเลย


คุณชาร์จแล็ปท็อปด้วย USB ได้หรือไม่

คำถามข้อหนึ่งที่ฉันพบบ่อยที่สุดคือ “ฉันจะชาร์จแล็ปท็อปด้วยหัวเสียบ USB ได้หรือไม่” จริง ๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับประเภทของพอร์ต USB บนแล็ปท็อปของคุณ

USB Type A นั้นใช้ไม่ได้แน่ ๆ

หากคุณใช้เมาส์หรือคีย์บอร์ดแบบมีสาย และถอดสายมันออกมาดู คุณจะพบนว่าที่ปลายสายมีหัวเชื่อมต่อรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งก็คือชิ้นโลหะที่คุณเสียบเข้าไปในคอมพิวเตอร์ สิ่งที่เห็นนี้เรียกว่า หัวเชื่อมต่อ Type A

นี่คือหัวเสียบ USB ที่พบบ่อยที่สุด และเมื่อมีคนพูดถึง “USB” คุณจะอนุมานได้เลยว่าพวกเขาพูดถึง USB Type A โดยเป็นไปได้สูงว่าเครื่องชาร์จโทรศัพท์มือถือของคุณก็ใช้หัวเสียบ USB Type A เช่นกัน น่าเสียดาย ที่แม้คุณจะใช้หัวเสียบ Type A จ่ายไฟให้อุปกรณ์อัจฉริยะได้ แต่คุณใช้มันจ่ายไฟให้แล็ปท็อปของคุณไม่ได้

Type A สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้มากในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถจ่ายไฟได้มากพอ ซึ่งเป็นปริมาณที่จำเป็นต้องใช้เพื่อชาร์จแบตเตอรี่แล็ปท็อปของคุณได้ Type A ไม่สามารถส่งกำลังไฟฟ้าได้มากพอ

ดังนั้น USB Type C จึงเป็นมหามิตรในด้านนี้

อย่างไรก็ตาม USB 3.1 มีหัวเสียบแบบใหม่ที่เรียกว่า USB Type C หรือ “USB-C” ซึ่งต่างจาก Type A ตรงที่มีรูปร่างคล้ายวงรี USB ประเภทนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ใช้กำลังไฟฟ้าระดับสูง หมายความว่ามันสามารถถ่ายโอนกำลังไฟฟ้าได้มากกว่า Type A มาก และจ่ายไฟได้เร็วกว่า แบบเร็วกว่า มาก ๆ ดังนี้

  • Type A (USB 3.1): ความเร็วสูงสุด 10 กิกะบิต/วินาที
  • USB-C (USB 3.2): ความเร็วสูงสุด 20 กิกะบิต/วินาที

และมันจะดียิ่งขึ้นอีก

USB4 จะเปิดตัวในปี 2019 และสายเสียบ USB-C ที่มาด้วยกันนั้นสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 40 กิกะบิต/วินาที

สั้น ๆ ก็คือ คุณไม่สามารถชาร์จแล็ปท็อปของคุณด้วย USB Type A แต่สามารถชาร์จแล็ปท็อปของคุณด้วย USB-C ได้


1. การชาร์จแล็ปท็อปด้วยพอร์ต USB-C

1. การชาร์จแล็ปท็อปด้วยพอร์ต USB-Cหากแล็ปท็อปของคุณมีพอร์ต USB-C ในตัว คุณจะสามารถชาร์จแล็ปท็อปของคุณด้วยสาย USB-C ได้ เพียงตรวจสอบให้มั่นใจว่าสายเคเบิลมีอะแดปเตอร์สำหรับเสียบปลั๊ก (ปลั๊กรูปกล่องที่ปลายเครื่องชาร์จโทรศัพท์มือถือที่สามารถนำไปเสียบกับเต้าเสียบได้) อันที่จริงแล้ว แล็ปท็อปบางรุ่นก็ใช้สายเคเบิล USB-C เป็นเครื่องชาร์จหลัก

คุณสามารถชาร์จแล็ปท็อปของคุณด้วย USB-C ได้ ดังนี้

  1. เสียบปลายด้านหนึ่งของสาย USB-C เข้าไปในเสียบ
  2. เสียบปลายอีกด้านของสาย USB-C เข้ากับแล็ปท็อปของคุณ

เรียบร้อย! ง่ายเหมือนปอกกล้วย เพียงคุณมีสาย USB-C เท่านั้น แต่นี่แหละคือปัญหาใหญ่ ถ้าหากคุณไม่มีสายล่ะ โชคไม่ดีนัก ที่การสั่งซื้อสายเคเบิล USB-C ก็ไม่ได้ง่ายกว่าการสั่งซื้อเครื่องชาร์จแล็ปท็อปใหม่เท่าไร และการแวะร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ก็อาจเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังใช้เวลาสุดสัปดาห์เพื่อเป็นสักขีพยานในแต่งงานบนเกาะ ๆ หนึ่งในทะเลแคริบเบียน


คุณควรวางแผนล่วงหน้า

หากคุณกำลังมองหาแล็ปท็อปเครื่องใหม่ในตลาดอยู่ คุณอาจลองพิจารณาซื้อรุ่นที่มีพอร์ต USB-C อย่างน้อยหนึ่งพอร์ต หัวเชื่อมต่อ USB-C กำลังเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว เราสามารถอนุมานได้เลยว่าในอนาคตนั้น แล็ปท็อปส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับพอร์ต USB-C และเราอาจพบว่า USB Type A จะหายไปจากวงการด้วย ประเด็นสำคัญคือ ผู้ใช้งานทั้งหลายจะครอบครองสายเคเบิล USB-C มากขึ้น ดังนั้น โอกาสที่จะมีใครสักคนให้คุณยืมสายชาร์จจะมีมากขึ้น ถ้าหากคุณเกิดทำหายระหว่างการเดินทาง ทุกวันนี้ คุณจะต้องหาใครสักคนที่มีเครื่องชาร์จแล็ปท็อปแบบเดียวกับที่คุณมี ซึ่งอาจลำบากกว่า

แบรนด์แล็ปท็อปที่ได้รับความนิยมของ HP แทบทุกรุ่นมีพอร์ต USB-C อย่างน้อยหนึ่งพอร์ต ได้แก่

  • HP Chromebook 11
  • HP EliteBook
  • HP ProBook
  • HP Spectre
  • HP ENVY 13
  • HP ZBook

หมายเหตุ: ตรวจสอบสเป็คสินค้าให้ถี่ถ้วนก่อนซื้อเสมอ


2. การชาร์จแล็ปท็อปในรถยนต์

2. การชาร์จแล็ปท็อปในรถยนต์รถยนต์มีระบบไฟฟ้าใช่หรือไม่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถยนต์ส่วนตัว หรือจะเช่ารถหลังเครื่องบินลงจอด คุณก็สามารถใช้ประโยชน์จากพลังงานที่รถสร้างขึ้นมาได้ การชาร์จแล็ปท็อปในรถยนต์นั้นค่อนข้างง่ายดาย ตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม คุณต้องมีสองสิ่ง ดังนี้

  • อะแดปเตอร์ AC (ปลายด้านหนึ่งเป็นหัวเสียบ USB Type A และอีกด้านเป็นหัวเสียบ USB-C) อะแดปเตอร์แปลงหน่วย USB Type A ไปเป็น USB-C นั้นเหมาะสมกับการใช้ในรถยนต์เป็นอย่างยิ่ง
  • เครื่องชาร์จ USB สำหรับใช้ในรถยนต์

มันง่าย ราวกับนับ 1 - 3 คุณสามารถชาร์จแแล็ปท็อปของคุณในรถยนต์ได้ ดังนี้

  • สตาร์ทรถ
  • เสียบเครื่องชาร์จสำหรับใช้ในรถยนต์เข้ากับพอร์ตสำหรับชาร์จในรถ (คุณอาจไม่ต้องใช้เครื่องชาร์จสำหรับใช้ในรถยนต์ด้วยซ้ำ เนื่องจากรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ หลายรุ่นจะรองรับพอร์ต USB ที่คุณสามารถเสียบได้เลย)
  • เสียบหัวเชื่อมต่อ USB-C เข้ากับแล็ปท็อปของคุณ

หมายเหตุ: ห้ามทิ้งแล็ปท็อปของคุณไว้ในรถในบริเวณที่เป็นเป้าสายตาและไม่มีคนเฝ้า เพราะนั่นหมายถึงความเสี่ยงที่จะถูกขโมย และอุปกรณ์อาจเสียหายเพราะความร้อนสูง


3. การชาร์จแล็ปท็อปของคุณด้วยแบตเตอรี่สำรอง

3. การชาร์จแล็ปท็อปของคุณด้วยแบตเตอรี่สำรองวิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งในการชาร์จแล็ปท็อปของคุณก็คือ การใช้แบตเตอรี่สำรอง ตามหลักแล้ว แบตเตอรี่สำรองก็คือแบตเตอรี่พกพาสำหรับแล็ปท็อปของคุณ สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงเชื่อมต่อแบตเตอรี่สำรองเข้ากับแล็ปท็อปของคุณ สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับแบตเตอรี่สำรองคือ การไม่จำเป็นต้องเสียบเข้ากับเสียบไฟในขณะที่ชาร์จแล็ปท็อปของคุณอยู่

แบตเตอรี่สำรองมีหลายรุ่นด้วยกัน และแต่ละรุ่นก็มีความจุในการชาร์จไฟที่แตกต่างกัน คุณจะสามารถชาร์จแล็ปท็อปที่มีสมรรถนะต่ำลงมาด้วยแบตเตอรี่สำรองแบบ USB Type A ได้ หากคุณต้องการชาร์จแล็ปท็อปที่มีสมรรถนะสูงกว่านั้น เช่น เวิร์กสเตชั่นเคลื่อนที่ คุณจะต้องมีแบตเตอรี่สำรองที่รองรับ USB-C แบตเตอรี่สำรองแบบ USB-C ยังสามารถใช้ชาร์จอุปกรณ์อื่นที่ใช้พอร์ต USB เช่น สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ด้วย

มีความเป็นไปได้สูง ว่าแบตเตอรี่สำรองของคุณจะมีความจุเพียงพอต่อการชาร์จแบตเตอรี่แล็ปท็อปของคุณเพียงหนึ่งหรือสองรอบเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องชาร์จแล็ปท็อปที่มีสมรรถนะสูง ๆ สิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้ก็คือ อย่าลืมเสียบแบตเตอรี่สำรองเข้ากับเต้าเสียบไฟเพื่อชาร์จไฟให้มันใหม่ด้วย เพราะเมื่อแบตเตอรี่สำรองหมด คุณจะไม่สามารถใช้มันชาร์จแล็ปท็อปได้อีก

มันจะดีที่สุด หากเก็บแบตเตอรี่สำรองไว้ใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น เช่น เมื่อคุณทำเครื่องชาร์จแล็ปท็อปหายโดยไม่ได้ตั้งใจ เก็บแบตเตอรี่สำรองไว้ในกระเป๋าใส่แล็ปท็อปของคุณเสมอ


ใช้กระเป๋าหรือซองใส่แล็ปท็อป

ใช้กระเป๋าหรือซองใส่แล็ปท็อปเมื่อต้องเดินทางไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไกล, แบกเป้เที่ยวยุโรป หรือแค่ไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ คุณก็ควรนำกระเป๋าเป้หรือกระเป๋าเป้ใส่แล็ปท็อปไปด้วยเสมอ กระเป๋าใส่แล็ปท็อปไม่ได้ใช้เพื่อเก็บแล็ปท็อปของคุณเพียงอย่างเดียว คุณควรเก็บอุปกรณ์เสริมสำหรับชาร์จแล็ปท็อปของคุณไว้ในนี้ด้วย เพื่อรับมือในกรณีที่คุณทำสายชาร์จหาย ที่จริงแล้ว คุณควรพกอุปกรณ์เสริมที่ใช้ชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดมาด้วยนั่นล่ะ

สิ่งที่ควรรู้เป็นอันดับแรกคือ กระเป๋าใส่แล็ปท็อปนั้นมีไว้เพื่อปกป้องแล็ปท็อปของคุณ กระเป๋าใส่แล็ปท็อปของ HP ทั้งหลายทำจากผ้าที่ทนต่อสภาพอากาศ และใช้ซิปที่ทนต่อน้ำฝนหรือลูกเห็บได้ ด้านในกระเป๋ามักจะถูกบุด้วยวัสดุที่นิ่มและดูดซับแรงกระแทกได้ ซึ่งจะช่วยปกป้องแล็ปท็อปหากคุณเกิดทำมันหลุดมือโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือหากกำลังเผชิญกับเส้นทางเดินรถที่เต็มไปด้วยความขรุขระและทุลักทุเล จนทำให้กระเป๋าแล็ปท็อปโคลงเคลงไปมาอยู่ที่เบาะหลัง

กระเป๋าแล็ปท็อปของ HP ที่สมบุกสมบันที่สุดน่าจะเป็น HP Spectre 13.3 ที่ตัวซองทำจากหนัง ซึ่งมีความทนทานมากพอที่จะผจญภัยได้แบบ Indiana Jones เลยทีเดียว

นอกจากนี้ กระเป๋าที่ดีที่สุดยังมีคุณสมบัติที่ป้องกันเครื่องอ่าน RFID อีกด้วย หากคุณพกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต คุณควรทราบว่ามีอุปกรณ์ที่สามารถสแกนข้อมูลบัตรในระยะใกล้ได้ ใช่แล้ว โจรไซเบอร์ที่มีอุปกรณ์ดังกล่าวอาจยืนต่อหลังคุณในร้านกาแฟและสแกนข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินจากบัตรของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัวเลย

พวกเขาอาจไม่ได้ทำที่ร้านกาแฟหรอก เพราะมันคือการกระทำที่หลีกเลี่ยงการดึงความสนใจได้ยากมาก แต่มันเกิดขึ้นบ่อยครั้งตามท้องถนน หรือในระบบขนส่งสาธารณะ กระเป๋าใส่แล็ปท็อปของ HP หลายรุ่นมีกระเป๋าด้านนอกแบบติดซิปที่สามารถป้องกันการสแกน RFID ได้ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเดินทางข้ามโลกหรือเดินทางในเมืองเฉย ๆ คุณก็สามารถเก็บบัตรเครดิตและบัตรเดบิตไว้ในกระเป๋าได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกโจรไซเบอร์เจาะข้อมูลไป

การใช้กระเป๋าเป้แบบแบบจัดเต็มสำหรับใส่แล็ปท็อปก็ถือเป็นความคิดที่ดี กระเป๋าเป้จะมีลักษณะที่คำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์มากกว่าซองใส่แล็ปท็อป และคุณยังสามารถเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ข้างในได้อีกหลายชิ้น


สิ่งที่คุณควรใส่ในกระเป๋าเป้แล็ปท็อปสำหรับเดินทาง

เมื่อคุณต้องเดินทาง คุณควรจัดเตรียมกระเป๋าเป้ให้พร้อมด้วยแล็ปท็อปและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นเพื่อให้คุณมีความพร้อมต่อการทำงานและทางเทคนิคตลอดการเดินทาง แม้จะต้องอยู่ไกลจากที่ทำงานของคุณก็ตาม ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรใส่ไว้ในกระเป๋า

1. แล็ปท็อป คือสิ่งแรก และเป็นข้อสำคัญที่สุด หากคุณต้องการความปลอดภัยมากขึ้น คุณควรใส่แล็ปท็อปไว้ในซองแล็ปท็อปก่อน จากนั้นนำซองแล็ปท็อปใส่กระเป๋าเป้ คุณไม่มีทางทราบได้เลยว่าเมื่อไรการเดินทางของคุณจะไม่ราบรื่น ดังนั้น ควรทำทุกทางเท่าที่จะทำได้เพื่อปกป้องแล็ปท็อปของคุณให้ปลอดภัย จำไว้ว่าคุณมีข้อมูลเรื่องงาน ซึ่งเป็นข้อมูลละเอียดอ่อนหรือมีค่า หรือข้อมูลส่วนบุคคลเก็บไว้ในแล็ปท็อปของคุณ เช่น โครงงาน หรือภาพถ่ายครอบครัว อย่าได้เสี่ยงเลยดีกว่า

2. ข้อสอง ใส่แบตเตอรี่สำรองที่ชาร์จไฟไปแล้วด้วย พยายามอย่าใช้แบตเตอรี่สำรอง เว้นเสียแต่ว่าจะจำเป็นจริง ๆ ควรนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน เป็นต้นว่าสายชาร์จแล็ปท็อปของคุณเกิดใช้การไม้ได้

3. ข้อสาม พกอะแดปเตอร์สำหรับเดินทางไปด้วย หากคุณเดินทางไปต่างประเทศ คุณอาจต้องไปอยู่ในประเทศที่ไม่มีเต้าเสียบที่ใช้กับแล็ปท็อปของคุณได้ อะแดปเตอร์สำหรับเดินทางจะมีปลั๊กแบบเปลี่ยนได้ ช่วยให้คุณเสียบปลั๊กเข้ากับเต้าเสียบของต่างประเทศได้

เมื่อคุณเดินทางไปต่างประเทศ การมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานได้อย่างเต็มที่อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณปลอดภัยและมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาดการเดินทางใด ๆ อย่าลืมพกไปอะแดปเตอร์สักชุด เมื่อคุณต้องออกนอกประเทศ

4. สุดท้ายนี้ พกฮับ USB ไปด้วย ฮับพอร์ต USB นั้นเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อ เมื่อคุณต้องเดินทางโดยพกแล็ปท็อปไปด้วย หน้าที่หลักของมันคือช่วยให้แล็ปท็อปของคุณมีพอร์ต USB ที่พร้อมให้คุณใช้งานมากขึ้น โดยทั่วไปแล้ว ฮับ USB จะมาพร้อมกับพอร์ต USB เพิ่มเติมอีก 4-7 พอร์ต ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายเมื่อคุณต้องอยู่ห่างไกลจากสถานที่ทำงานหลักของคุณที่มีการจัดเตรียมอย่างดี

มีฮับทั้งแบบจ่ายไฟเองได้ และแบบจ่ายไฟเองไม่ได้ให้เลือกใช้ ฮับแบบจ่ายไฟเองได้ดีตรงที่สามารถจ่ายไฟให้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ได้เลย (อุปกรณ์ของคุณจึงไม่ต้องดึงไฟจากแล็ปท็อปของคุณ) หากคุณมีเวลาชาร์จอุปกรณ์ที่ใช้ USB ที่จำกัด คุณสามารถใช้ฮับแบบจ่ายไฟเองได้เพื่อชาร์จอุปกรณ์ทุกชิ้นไปพร้อม ๆ กัน โดยไม่ต้องใช้เต้าเสียบเพิ่มเติมด้วย ฮับแบบจ่ายไฟเองได้ของ HP บางรุ่นมีช่องใส่การ์ด SD และพอร์ต USB-C มาให้ด้วย รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฮับ USB ได้ที่นี่

จำไว้ว่า หากคุณทำเครื่องชาร์จแล็ปท็อปหาย และต้องการชาร์จไฟมากจริง ๆ คุณสามารถใช้วิธีดังต่อไปนี้ได้เสมอ

  • ชาร์จแล็ปท็อปของคุณผ่านพอร์ต USB-C
  • ใช้อะแดปเตอร์ชาร์จแล็ปท็อปของคุณในรถ
  • ชาร์จแล็ปท็อปของคุณด้วยแบตเตอรี่สำรอง

ทุกวิธีที่กล่าวมาข้างต้นนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องผ่านช่วงสุดสัปดาห์โดยปราศจากแล็ปท็อปในระหว่างที่คุณเดินทาง