ขอบคุณสําหรับการเยี่ยมชม ไทย HP เก็บ
วันจันทร์ - วันศุกร์ 8.30 – 17.30 น.
( ยกเว้นวันหยุดราชการ )
วันจันทร์ - วันศุกร์ 8.30 – 17.30 น.
( ยกเว้นวันหยุดราชการ )
แม้ว่าคุณจะไม่ใช่เกมเมอร์ตัวยงหรือเคยเล่นแค่เกมคลาสสิกอย่าง Warcraft 3 คุณก็คงต้องเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเกม World of Warcraft หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า[เกม “WoW” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เกมนี้มีการปล่อยฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้แก่ผู้เล่นอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบของแพ็กเสริม ภาคเสริมเหล่านี้คืออะไร และภาคเสริมไหนดีที่สุด มาเรียนรู้สิ่งที่ทำให้แต่ละภาคมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและราคาที่คาดว่าจะต้องจ่ายเพื่อเข้าถึงเนื้อหาสุดพิเศษทั้งหมดของเกมที่นำเสนอให้แก่ผู้เล่น
เกม WoW หรือเกมแนวสวมบทบาทออนไลน์ที่มีผู้เล่นจำนวนมาก (MMORPG) มีกลุ่มเกมเมอร์ตัวยงที่เล่นกันมาตั้งแต่ช่วงเปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 เกมนี้ได้รับการพัฒนาโดย Blizzard ค่ายเดียวที่สร้างเกมยอดนิยมอย่าง Warcraft 3 และปัจจุบันรองรับการใช้งานบน Microsoft Windows และ macOS ส่วนหนึ่งที่น่าดึงดูดใจคือผู้เล่นได้สัมผัสถึงระบบการปรับแต่งที่นับไม่ถ้วนของเกม นับตั้งแต่สกินของตัวละครไปจนถึงสัตว์เลี้ยงภายในเกม
ขณะที่เกมได้รับการพัฒนามากขึ้นตามกาลเวลา เกมเพลย์ก็เริ่มมีความเข้มข้นมากกว่าเดิม มีการนำระบบ "หน้าที่ดูแล" บางส่วนออก เช่น การให้อาหารสัตว์เลี้ยง เพื่อให้ผจญภัยมีความลื่นไหลมากขึ้น Blizzard ได้เปิดตัว WoW Vanilla ในปีนี้ตามคำขอของเหล่าแฟน ๆ โดยมีเซิร์ฟเวอร์แยกต่างหากสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ยุคก่อนที่แท้จริงของ WoW ให้มากที่สุด
นอกเหนือจากโหมด Classic หรือโหมด Vanilla ยังมีตัวเลือกแพ็กเสริมอื่น ๆ อีกมากให้ผู้เล่นได้เลือกซื้อ โดยแต่ละแพ็กต่างมีธีมเป็นของตัวเองและมอบโอกาสในการสัมผัสเกมเพลย์ที่ไม่ซ้ำใคร
ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ (กันยายน 2019) มีภาคเสริมทั้งหมด 7 แพ็กที่ปล่อยออกมานับตั้งแต่วันเปิดตัวของเกม WoW ดั้งเดิมในปี 2004 แม้ว่าการสร้างเกมจะหยุดชะงักไปบ้าง แต่ภาคเสริมดังกล่าวก็เปิดตัวได้ค่อนข้างสม่ำเสมอนับตั้งแต่มีการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2007
นี่คือลิสต์รายชื่อภาคเสริมทั้งหมดที่เกมนี้ได้นำเสนอให้แก่ผู้เล่นจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่เก่าที่สุดไปจนถึงใหม่ล่าสุด
นอกเหนือจากสองแพ็กแรกที่ปล่อยออกมาทุก 1 ปี แพ็กเสริม WoW อื่น ๆ ได้เปิดตัวออกมาอย่างมั่นคงด้วยระยะเวลาทุก 2 ปี
ในขณะที่หลายคนเลือกซื้อแพ็กเสริมทีละครั้งตามช่วงระยะเวลาที่มีการวางจำหน่ายของแต่ละชุด เป็นเรื่องปกติที่บางคนอาจเลือกซื้อชุดเสริมทั้งหมดภายในครั้งเดียวเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นใหม่ที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์เกมมิ่งของแพ็กเสริมหลังจากวันที่วางจำหน่ายผ่านไปสักระยะ Blizzard ได้เล็งเห็นโอกาสนี้ เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี พวกเขาได้จึงได้เปลี่ยนรูปแบบการขายแพ็กเสริมใหม่
แต่เดิมคุณจะต้องซื้อเกมและชำระค่าบริการรายเดือนประมาณ 500 บาท เพื่อเล่นออนไลน์ร่วมกับผู้อื่นและเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ อีกทั้งยังจำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อภาคเสริมของแต่ละแพ็กด้วย แต่ปัจจุบันคุณไม่จำเป็นต้องซื้อเกม ขอเพียงแค่ชำระค่าบริการรายเดือน คุณก็จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงแพ็กเสริมและเซิร์ฟเวอร์โดยไม่ต้องซื้อภาคเสริมแยกต่างหาก หากคุณยังเป็นผู้เล่นมือใหม่ เพียงแค่ชำระค่าบริการรายเดือนคุณก็สามารถเล่นภาคเสริมของเกมได้ทั้งหมด
มีภาคเสริมเดียวที่ได้รับการยกเว้น คือภาคเสริมฉบับปี 2018 WoW: Battle for Azeroth หากต้องการเล่นภาคนี้คุณจะต้องซื้อแยกต่างหาก หากคุณชำระค่าบริการรายเดือนอยู่แล้ว คุณสามารถจ่ายเงินเพิ่มเพื่อเข้าถึงภาคเสริมนี้ได้ ภาคเสริมนี้มี 2 เวอร์ชัน คือเวอร์ชันมาตรฐานและดีลักซ์ สำหรับเวอร์ชันดีลักซ์ คุณจะได้รับไอเทมสารพัดมากขึ้น ซึ่งรวมถึง
ไอเทมเสริมเหล่านี้ยังวางจำหน่ายเป็นแพ็กรวมในราคาประมาณ 675 บาท ถือเป็นข้อแตกต่างระหว่างเวอร์ชันมาตรฐานและดีลักซ์ ตัวเลือกทั้งสองเวอร์ชันมาพร้อมกับระยะเวลารายเดือน 30 วันเช่นกัน
หากพูดถึงภาคเสริมที่ดีที่สุด แน่นอนว่าความคิดเห็นของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไปไม่ต่างจากเกมอื่น แม้ว่าแต่ละภาคจะมีรสชาติและความพิเศษเป็นของตนเอง มีภาคหนึ่งที่เหมือนจะได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวกมากกว่าภาคอื่น ๆBattle for Azeroth เป็นภาคใหม่แกะกล่อง และได้รับคะแนนรีวิวในแง่บวกอย่างล้นหลาม เนื่องจากเป็นภาคเสริมใหม่ล่าสุด ย่อมได้รับการจัดอันดับให้เป็นภาคเสริมอันดับหนึ่ง
มาดูกันว่าภาคอื่นได้รับการจัดอันดับอย่างไรในบทความของเรา นับจากภาคเสริมที่ดีที่สุดจนไปถึงแย่ที่สุด อันที่จริงโดยรวมของแต่ละภาคนั้นนั้นถือว่า "ดี" เป็นอย่างน้อย เพราะเราเข้าใจว่าแต่ละคนต่างมีความชอบส่วนตัวและมีอันดับในใจเป็นของตนเอง
อะไรที่ทำให้ภาคนี้เป็นภาคเสริมหนึ่งที่คอมมูนิตี้เกมต่างพูดถึงกันอย่างแพร่หลายมากที่สุด หากได้ลองเข้าไปอ่านบล็อกของ WoW แล้ว คุณจะเห็นว่าภาคเสริมนี้เป็นที่โปรดปรานของแฟน ๆ ด้วยเหตุผลบางประการ อย่างแรก ภาคนี้ดึงดูดความสนใจของผู้เล่นได้ค่อนข้างดี แม้จะเป็นภาคเสริมที่เปิดตัวมาตั้งแต่ยุคแรก ๆ แพ็กเสริมฉบับปี 2008 นี้นำเสนอเรื่องราวอันมหากาพย์ และชวนให้ผู้เล่นจิตนาการถึงการที่ได้เข้าไปอยู่ในโลกของภาพยนตร์ไฮคอนเซ็ป โดยเฉพาะฉากเปิดของเกม
ภาคเสริมนี้มอบหมายหน้าที่ให้แก่ผู้เล่นเพียงอย่างเดียว คือการกำจัด Lich King นามว่า Arthas Menethil ระบบการต่อสู้ การร่ายเวทย์มนต์ และแอ็กชันที่ไม่หยุดนิ่งทำให้เกมเป็นที่โปรดปราน และผู้เล่นหน้าเก่ามักจะกลับมาแวะเวียนเสมอ นอกจากนี้ยังเป็นภาคที่ให้ความรู้สึกถึง "ความเป็นคอมมูนิตี้เกม" มากกว่าภาคเสริมอื่น ๆ ไม่ว่านั่นจะเป็นเเพราะยุคทองของเกมในช่วงเวลานั้นหรือการบรรยายเรื่องราวภายในเกมอันแท้จริง คงเป็นข้อสรุปที่เกมได้ทิ้งทวนให้เหล่าผู้เล่นได้ถกเถียงกัน
ภาคเสริมฉบับปี 2007 นี้เป็นภาคเสริมแรก คงไม่น่าแปลกใจที่ภาคเสริมนี้จะตราตรึงใจเหล่าเกมเมอร์ WoW หน้าเก่าเสมอมา ภาคนี้ประกอบด้วยสองเผ่าพันธุ์ใหม่: Blood Elves for the Horde และ Draeney for the Alliance The legend of Hellfire Peninsula นำมาซึ่งการถือกำเนิดของ Illidan Stormrage และอาวุธแห่ง “Warglaive” อาวุธที่เหล่าผู้เล่นต่างยอมทุ่มแรงกายแรงใจเพื่อที่จะได้มันมาครอบครอง แฟน ๆ ทั้งหลายจึงเข้าไปบุก Raid อย่างไม่รีรอ ซึ่งรวมถึง Black Temple, the Gods of Zul'Aman และ Fury of the Sunwell
เกมเพลย์ที่ท้าทายของภาคเสริมนี้ทำให้ผู้เล่นต้องเผชิญกับความยากลำบากระหว่างผจญภัย แต่ผู้เล่นหน้าเก่าที่มีประสบการณ์มานานต่างจดจำว่าภาคนี้เป็นหนึ่งในแพ็กเสริมที่ตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยได้อย่างคุ้มค่า ใครก็ตามที่เป็นแฟนตัวยงของแฟรนไชส์นี้ต้องไม่พลาดอย่างยิ่ง เนื่องจากรายละเอียดต่าง ๆ ของเกมในอดีตกาลนำมาสู่การสร้างเนื้อเรื่องที่ทันสมัยมากขึ้น อีกทั้งซาวด์แทร็กที่อัพเดตและเสียงพากย์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพเป็นเรื่องที่ผู้คนยังพูดถึงอยู่เสมอ
ภาคเสริมฉบับปี 2016 นี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในภาคเสริมที่มีคุณสมบัติด้านเทคนิคยอดเยี่ยมLegion ยังนำฮีโร่คลาสที่สองมาสู่เกม คือ Demon Hunter เช่นเดียวกับแพ็กอื่น ๆ ภาคนี้ขยายเพดานเลเวลสูงสุดและเพิ่มพื้นที่ใหม่ รวมถึงอาวุธสิ่งประดิษฐ์ที่พร้อมใช้เก็บเลเวลได้อย่างเพลิดเพลิน ภาคนี้ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกจากผู้เล่นหน้าเก่ามากกว่าผู้เล่นหน้าใหม่ โดยส่วนใหญ่ผู้เล่นหน้าใหม่อาจพบว่าอุปกรณ์เสริมและความสามารถพิเศษทั้งหมดมีเยอะมากจนชวนงง
ภาคเสริมนี้ถูกจัดอยู่ในอันดับกลาง ๆ อย่างมั่นคงเสมอมา เพียงเพราะองค์ประกอบของเกมที่ทำให้ผู้เล่นบางส่วนหลงรักกลับทำให้ผู้เล่นอีกส่วนเกลียดชังไม่แพ้กัน เนื่องจากเนื้อเรื่องส่วนมากมีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงซึ่งกันและกันในจุดต่าง ๆ ภายในเกม จำเป็นต้องมีสมาธิในการอ่านและสังเกตในขณะที่คุณกำลังผจญภัย ผู้เล่นที่ต้องการเล่นโดยไม่สนใจเนื้อเรื่องภายในเกมอาจรู้สึกว่าเกมดำเนินไปได้ค่อนข้างช้า สำหรับผู้ที่ชื่นชอบทุกรายละเอียดของตำนานที่เล่าขานภายในเกม ภาคนี้ถือเป็นส่วนเสริมอันงดงามที่มาเติมเต็มการถ่ายทอดเรื่องราวใน WoW และมีกลไกของเกมที่แสนพิเศษให้ผู้เล่นได้เพลิดเพลิน
คุณรักแพนด้าใช่ไหม ถ้างั้นจะต้องหลงรัก Warcraft เกมภาคเสริมอย่าง Mists of Pandaria ฉบับปี 2012 แน่นอน ภาคนี้ได้แนะนำคลาสตัวละครใหม่พร้อมกับเผ่าพันธุ์ Pandaren ที่สามารถเล่นได้ นอกจากนี้ นี่คือภาคเสริมที่เปลี่ยนจากสัตว์เลี้ยงที่เปรียบดั่งตัวแทนของสถานะทางสังคมเป็นเส้นทางสู่ชัยชนะ คุณสามารถนำสัตว์เลี้ยงของคุณไปต่อสู้กับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นได้ และผู้ชนะจะได้รับสัตว์เลี้ยงทั้งสองกลับบ้าน เช่นเดียวกับเกมอื่น ๆ ที่มีกลไกการต่อสู้กับสัตว์เลี้ยง เมื่อเวลาผ่านไป ภาคเสริมนี้ยังเพิ่มดันเจี้ยน, Raid และสนามรบมาเป็นส่วนเสริมของเนื้อหาที่รวมอยู่แพทช์ดั้งเดิม
สิ่งที่ยอดเยี่ยมของภาคเสริมนี้คืออะไร นั่นก็คือการรังสรรค์โลกสมมุติ ธีมเอเชียนั้นได้รับการเน้นย้ำด้วยรายละเอียดที่ไม่อาจพบเห็นได้ในภาคเสริมอื่น ๆ และยังมีสิ่งมีชีวิตแปลกใหม่ที่พร้อมให้ผู้เล่นได้เพลิดเพลินอีกด้วย โดยรวมแล้ว อาจไม่ใช่แพ็กที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายมากที่สุด แต่ก็มีฐานแฟนเกมเป็นของตนเอง ผู้เล่นหน้าเก่าที่ชื่นชอบการทำเควสต์และหลงรักการเสพเนื้อเรื่องเป็นอย่างยิ่งจะต้องประทับใจแน่นอน
ด้วยการเปิดตัวที่มาพร้อมกับกองกำลังทหาร (Garrison) ที่ผู้เล่นจะต้องสร้างขึ้นเองและพื้นผิวกับแอนิเมชั่นที่มาพร้อมกับรายละเอียดที่มากขึ้น ภาคเสริมนี้จึงออกแบบมาเพื่อเหล่าพีซีเกมเมอร์ที่มีขุมพลังอันแข็งแกร่ง แถมจำเป็นต้องใช้หน่วยความจำที่มากกว่าเดิม จึงไม่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าผู้เล่นที่เคยชินกับกราฟิกเรียบง่ายและไม่สามารถอัพเกรดพีซีได้
นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงมากมายในเรื่องของประสบการณ์ผู้เล่นปะทะผู้เล่น (PvP) แบบคลาสสิก ผู้เล่นจึงมีรูปแบบการเล่นบนหมู่เกาะที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อฟีเจอร์นี้ได้มากขึ้น นอกจากนั้น Warlords of Draenor ยังมีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจที่มาพร้อมกับธีม "Alternate Universe"
ในที่สุดก็มาถึงภาคเสริมที่ชื่อว่า Cataclysm ขอย้ำอีกครั้งว่าทุกภาคเสริมต่างมีข้อดีในแบบของตนเอง เพียงแต่ภาคเสริมนี้มีความแตกต่างไปจากสิ่งที่แฟน ๆ หลายคนคาดหวังค่อนข้างมาก พวกเขารู้สึกว่าภาคนี้สูญเสียความเป็นวัฒนธรรมของแฟรนไชส์ WoW ไป ภาคนี้ประกอบด้วยทวีปที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด พื้นที่ใหม่ เควสต์ใหม่ 3500 เควสต์ ดันเจี้ยนใหม่ 10 แห่ง Raid ใหม่ 5 แห่ง และสกิลของ Archaeology นอกจากนี้ยังมีมังกรพ่นไฟที่ผู้เล่นจะต้องประชันฝีมืออีกด้วย
แล้วปัญหาคืออะไร ภาคนี้ได้รับการเปิดเผยว่าเป็นภาคที่ “ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกเป็นอย่างยิ่ง” โดยได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกเท่าที่จะมากได้ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่างยกย่องว่าเป็นผลงานชิ้นเอก อย่างไรก็ตาม กลับไม่ใช่ภาคเสริมสุดโปรดในบรรดาเหล่าผู้เล่นส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงภาคเสริมที่ตนชื่นชอบมากที่สุด คุณคงจะคิดว่าภาคเสริมอันมหากาพย์เช่นภาคนี้น่าจะต้องได้รับการกล่าวขานเป็นอันดับต้น ๆ ในเว็บไซต์รีวิวของผู้ใช้ทุกหนแห่ง
ภาคเสริมเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกมยังคงรักษาฐานแฟน ๆ ที่ชอบเกมนี้มากๆ เอาไว้ วัฒนธรรมก็มีความโดดเด่นอย่างยิ่ง ไม่ว่าคุณจะได้มีโอกาสเข้าร่วมงานการ์ตูนหรือเกมที่ไหนก็ตาม คุณจะได้พบกับเหล่าแฟนเกมนี้อย่างแน่นอน พวกเขาจะเป็นคนที่บอกคุณได้ว่าภาคเสริมภาคไหนที่ทำให้พวกเขาหลงรักเกมนี้
เป็นที่น่าสังเกตว่าในขณะที่ Blizzard ออกภาคเสริมมาทั้ง 6 ภาคฟรี ๆ ซึ่งแถมมาจากการซื้อ Warcraft เกม คาดว่าพวกเขาอาจออกภาคเสริมใหม่ที่ผู้เล่นอาจต้องเสียเงินซื้อในภายภาคหน้าดังที่เราได้เห็นใน Azeroth ขณะที่ได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมภายในเกมมากมาย โดยเฉพาะส่วนเสริมของเกมและเซิร์ฟเวอร์ที่มาในรูปแบบของ "Vanilla" คลาสสิก ผู้เล่นหน้าเก่าเตรียมจับตาดูอัพเดตที่จะมาในอนาคตและกำเงินรอไว้เลย
วันจันทร์ - วันศุกร์ 8.30 – 17.30 น.
( ยกเว้นวันหยุดราชการ )
วันจันทร์ - วันศุกร์ 8.30 – 17.30 น.
( ยกเว้นวันหยุดราชการ )