วิธีชาร์จโน้ตบุ๊คทั้ง 3 วิธี แค่มี [USB-C ก็ชาร์จ]ได้

ลองนึกภาพคุณกำลังมุ่งหน้าออกนอกเมืองเพื่อไปพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ บางทีคุณอาจกำลังไปงานแต่งเพื่อน เที่ยวทะเลกับครอบครัว หรืออาจจะไปตั้งแคมป์กับชาวแก๊ง แต่คุณตัดสินใจนำแล็ปท็อปติดตัวไปด้วย เพราะคิดว่าคงจะดีถ้าได้ดูหนัง เคลียร์งานนิดหน่อย หรือเล่นเกมไปด้วยในช่วงที่คุณจะได้พัก และแล็ปท็อปยังช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน ทั้งที่อยู่ไกลบ้านอีกด้วย

แย่แล้ว! ตอนกำลังรื้อกระเป๋าออกมาจัดของอยู่ในห้องพักโรงแรม คุณก็เพิ่งรู้ตัวว่าลืมเอาสายชาร์จแล็ปท็อปมาด้วย หรือแย่กว่านั้นคือคุณเผลอเสียบสายทิ้งไว้คาปลั๊กไฟที่สนามบิน แล้วตอนนี้แล็ปท็อปก็เหลือแบตเตอรี่เพียง 10% เท่านั้น ดูเหมือนว่าคุณจะต้องใช้แล็ปท็อปโดยไม่ได้ชาร์จตลอดทั้งทริป ส่วนอีเมลสำคัญที่จะส่งให้เจ้านายก็คงต้องรอไปก่อน

แต่เดี๋ยวนะ! ปัญหานี้มีทางแก้ เชื่อหรือไม่ว่าคุณสามารถชาร์จแล็ปท็อปของคุณได้โดยไม่ต้องง้อสายชาร์จแล็ปท็อปแบบทั่วๆ ไป ซึ่งเป็นวิธีง่าย ๆ ที่คุณควรรู้ หากคุณเป็นคนในยุคศตวรรษที่ 21 ที่รู้สึกว่าจำเป็นจะต้องพกแล็ปท็อปติดตัวไปไหนมาไหนด้วยทุกครั้ง

และไม่ได้มีเพียง 1 หรือ 2 แต่มีถึง 3 วิธีในการชาร์จแล็ปท็อปเมื่อคุณไม่มีสายชาร์จ

วิธีชาร์จแล็ปท็อปโดยไม่ใช้สายชาร์จ

แล็ปท็อปทุกเครื่องมีแบตเตอรี่ในตัว หากต้องการชาร์จแบตเตอรี่ คุณก็เพียงแค่หาทางจ่ายไฟเข้าแบตเตอรี่เท่านั้น โดยส่วนใหญ่เรามักจะเสียบแล็ปท็อปเข้ากับปลั๊กไฟในบ้าน และไฟฟ้าจะเดินทางผ่านสายเคเบิลและเข้าไปในแบตเตอรี่

สายชาร์จแล็ปท็อปนับว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการจ่ายไฟเข้าแบตเตอรี่แล็ปท็อป แต่ก็มีวิธีอื่นที่ทำได้เช่นกัน สิ่งที่คุณต้องมี ได้แก่

  • แหล่งจ่ายไฟ
  • สิ่งที่จ่ายไฟเข้าแบตเตอรี่

เข้าเรื่องกันเลย

คุณสามารถชาร์จแล็ปท็อปด้วย USB ได้ไหม

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดคือ “เราชาร์จแล็ปท็อปด้วยหัวเสียบ USB ได้ไหม”จริง ๆ แล้วคำตอบนั้นขึ้นอยู่กับประเภทพอร์ต USB บนแล็ปท็อปของคุณ

USB Type A นั้นชาร์จไม่ได้ชัวร์ ๆ

หากคุณกำลังใช้เมาส์หรือคีย์บอร์ดแบบมีสาย เมื่อคุณถอดสายอันใดอันหนึ่งออก คุณจะเห็นหัวเสียบรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ปลายสาย ซึ่งเป็นชิ้นส่วนโลหะที่คุณใช้เสียบเข้าไปที่คอมพิวเตอร์ หัวเสียบแบบนี้คือ Type A

ซึ่งเป็นหัวเสียบ USB ที่พบบ่อยที่สุด และเมื่อมีคนพูดคำว่า “USB” คุณสามารถเดาได้เลยว่าหมายถึง USB Type A เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่สายชาร์จโทรศัพท์มือถือของคุณก็ใช้หัวเสียบแบบ USB Type A เช่นกัน น่าเสียดายที่คุณสามารถใช้ Type A เพื่อชาร์จอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ได้ แต่ใช้ชาร์จไฟให้แล็ปท็อปไม่ได้อยู่ดี

Type A ใช้โอนถ่ายข้อมูลจำนวนมากได้ แต่ไม่สามารถชาร์จไฟในปริมาณมากพอสำหรับแบตเตอรี่แล็ปท็อปของคุณได้ เนื่องจาก Type A ไม่สามารถส่งกำลังไฟฟ้าได้มากพอ

USB Type C เป็นเพื่อนคู่กายที่ทรงพลัง

อย่างไรก็ตาม USB 3.1 มีหัวเสียบแบบใหม่ที่เรียกว่า USB Type C หรือ “USB-C” โดย USB-C ต่างจาก Type A ตรงรูปทรงที่เป็นวงรีมากกว่า และออกแบบมาสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ต้องใช้กำลังไฟฟ้าสูง ซึ่งหมายความว่าสามารถจ่ายไฟได้มากกว่า Type A แบบต่างกันลิบลับและยังจ่ายไฟได้เร็วกว่ามาก ๆ ดังนี้

  • Type A (USB 3.1): ความเร็วสูงสุด 10 กิกะบิต/วินาที
  • USB-C (USB 3.2): ความเร็วสูงสุด 20 กิกะบิต/วินาที

แต่ไม่ได้มีดีเพียงเท่านี้

เพราะ USB4 จะเปิดตัวในปี 2019 และหัวเสียบ USB-C ที่ให้มาด้วยนั้น สามารถถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุดถึง 40 กิกะบิต/วินาที

สรุปแล้วก็คือ คุณชาร์จแล็ปท็อปด้วย USB Type A ไม่ได้ แต่ชาร์จแล็ปท็อปด้วย USB-C ได้

1. วิธีชาร์จแล็ปท็อปด้วย USB-C

หากแล็ปท็อปของคุณมีพอร์ต USB-C ในตัว คุณก็สามารถชาร์จแล็ปท็อปผ่านสายชาร์จ USB-C ได้ เพียงตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายเคเบิลนั้นมีอะแดปเตอร์สำหรับเสียบปลั๊กอยู่ (หัวปลั๊กรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ปลายสายชาร์จโทรศัพท์ของคุณที่สามารถเสียบเข้ากับเต้าเสียบปลั๊กไฟได้) อันที่จริง แล็ปท็อปบางรุ่นก็ใช้สายชาร์จ USB-C เป็นสายชาร์จหลัก

คุณสามารถชาร์จแล็ปท็อปผ่าน USB-C ได้ ดังนี้

  1. เสียบปลายสายชาร์จ USB-C ด้านหนึ่งเข้ากับเต้าเสียบปลั๊กไฟ
  2. เสียบปลายสายชาร์จ USB-C อีกด้านเข้ากับแล็ปท็อป

แค่นั้นแหละ! ง่ายเหมือนปอกกล้วย เพียงคุณมีสายชาร์จ USB-C แต่นั่นเป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาง่าย ๆ เพราะถ้าคุณไม่มีสายล่ะ... ก็คงน่าเสียดายที่การสั่งซื้อสายชาร์จ USB-C กับการสั่งซื้อสายชาร์จแล็ปท็อปชิ้นใหม่นั้นไม่ได้ง่ายไปกว่ากันเลย และคุณก็อาจหาร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณติดอยู่ในงานแต่งบนเกาะกลางทะเลแถวภาคใต้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

วางแผนล่วงหน้าสำหรับตัวเลือก

หากคุณกำลังคิดเรื่องซื้อแล็ปท็อปเครื่องใหม่ คุณอาจลองดูเครื่องที่มีพอร์ต USB-C อย่างน้อยหนึ่งพอร์ต เพราะหัวเสียบแบบ USB-C กำลังเป็นที่นิยมกันมากขึ้นอย่างรวดเร็ว สันนิษฐานได้เลยว่าในอนาคตแล็ปท็อปส่วนใหญ่จะมีพอร์ต USB-C และเราอาจไม่เห็นคนใช้ USB Type A อีกต่อไป ประเด็นคือ ในอนาคตมีแนวโน้มที่ผู้ใช้จำนวนมากขึ้นจะมีสายชาร์จ USB-C อยู่แล้ว ดังนั้น โอกาสที่จะมีคนให้คุณยืมสายชาร์จ USB-C ก็มีมากขึ้นไปด้วย หากคุณทำสายชาร์จหายระหว่างการเดินทาง แต่ทุกวันนี้ คุณยังต้องหาคนที่มีสายชาร์จแล็ปท็อปแบบเดียวกับที่คุณมี ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องที่ลำบาก

แบรนด์แล็ปท็อปยอดนิยมของ HP แทบทุกรุ่น จะมีพอร์ต USB-C อย่างน้อยหนึ่งพอร์ต ได้แก่

หมายเหตุ: โปรดตรวจสอบข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ทุกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ

2. วิธีชาร์จแล็ปท็อปในรถยนต์

ใครๆ ก็รู้ว่ารถยนต์แต่ละคันมีระบบไฟฟ้า และไม่ว่าคุณจะอยู่ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว หรือรถที่เช่าหลังจากเครื่องบินลงจอดก็ตาม คุณก็สามารถใช้ประโยชน์จากไฟฟ้าในรถคันนั้นได้ การชาร์จแล็ปท็อปด้วยรถนั้นง่ายมาก ๆ เพียงมีสองสิ่งนี้

ง่ายเหมือนกับนับหนึ่ง สอง สาม คุณสามารถชาร์จแล็ปท็อปในรถยนต์ได้ ดังนี้

  • สตาร์ทรถ
  • เสียบสายชาร์จสำหรับใช้ในรถยนต์เข้ากับพอร์ตชาร์จในรถ (คุณอาจไม่จำเป็นต้องใช้สายชาร์จในรถด้วยซ้ำ เนื่องจากรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ หลายรุ่นมีพอร์ต USB ที่คุณสามารถเสียบได้เลย)
  • เสียบหัว USB-C เข้ากับแล็ปท็อปของคุณ

หมายเหตุ:อย่าทิ้งแล็ปท็อปของคุณไว้ในรถในบริเวณที่เป็นเป้าสายตาโดยไม่มีใครดูแล เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมหรือเกิดความเสียหายจากความร้อนสูง

3. วิธีชาร์จแล็ปท็อปด้วยแบตเตอรี่สำรอง

วิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งในการชาร์จแล็ปท็อปคือการใช้แบตเตอรี่สำรอง โดยทั่วไป แบตเตอรี่สำรองนั้นเป็นแบตเตอรี่แบบพกพาสำหรับแล็ปท็อป สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงการต่อแบตเตอรี่สำรองเข้ากับแล็ปท็อป สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับแบตเตอรี่สำรองคือไม่ต้องเสียบปลั๊กในขณะที่ชาร์จแล็ปท็อป

แบตเตอรี่สำรองมีให้เลือกหลากหลายรุ่น และแต่ละรุ่นก็มีความจุในการชาร์จที่ต่างกัน คุณจะสามารถชาร์จแล็ปท็อปที่มีประสิทธิภาพต่ำด้วยแบตเตอรี่สำรองแบบ USB Type A แต่ถ้าคุณต้องการชาร์จแล็ปท็อปที่สเปคสูงขึ้นเช่น เวิร์กสเตชันเคลื่อนที่ คุณจะต้องมีแบตเตอรี่สำรองที่มีพอร์ต USB-C นอกจากนี้ แบตเตอรี่สำรองแบบ USB-C ยังสามารถใช้ชาร์จอุปกรณ์อื่น ๆ ที่มีพอร์ต USB ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตได้อีกด้วย

มีความเป็นไปได้สูงที่แบตเตอรี่สำรองของคุณจะมีความจุเพียงพอต่อการชาร์จแล็ปท็อปได้เพียงหนึ่งหรือสองครั้งเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังชาร์จแล็ปท็อปที่ต้องใช้ไฟเยอะ สิ่งสำคัญคือต้องไม่ลืมเสียบแบตเตอรี่สำรองเข้ากับปลั๊กไฟเพื่อชาร์จไฟเพิ่มทุกครั้ง เพราะเมื่อแบตเตอรี่สำรองหมด คุณก็จะไม่สามารถใช้ชาร์จแล็ปท็อปได้อีก

นั่นเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดที่คุณควรเก็บแบตเตอรี่สำรองไว้ใช้ยามจำเป็นจริง ๆ เช่น ตอนเผลอทำสายชาร์จแล็ปท็อปหาย ดังนั้น คุณควรเก็บแบตเตอรี่สำรองไว้ในกระเป๋าแล็ปท็อปเสมอ

พกกระเป๋าหรือซองเก็บแล็ปท็อปเสมอ

ทุกครั้งที่คุณต้องออกเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไกล แบกเป้เที่ยวทั่วยุโรป หรือเพียงแค่ไปพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์ คุณก็ควรพกกระเป๋าแล็ปท็อปหรือกระเป๋าเป้ไปด้วยเสมอ กระเป๋าแล็ปท็อปไม่ได้มีไว้สำหรับเก็บแล็ปท็อปเท่านั้น คุณควรเก็บอุปกรณ์เสริมไว้สำหรับชาร์จแล็ปท็อปในกรณีที่คุณทำสายชาร์จหาย ที่จริงแล้ว คุณควรพกอุปกรณ์เสริมใดก็ได้ที่สามารถชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายไว้ด้วย

สิ่งแรกที่กระเป๋าแล็ปท็อปทำได้คือช่วยปกป้องแล็ปท็อปของคุณเอง กระเป๋าแล็ปท็อปของ HP หลายรุ่นผลิตจากวัสดุที่ทนทานต่อสภาพอากาศและมาพร้อมซิปที่สามารถกันฝนหรือลูกเห็บได้ ด้านในของกระเป๋าบุด้วยวัสดุที่มีความนิ่มและดูดซับแรงกระแทก ซึ่งช่วยปกป้องแล็ปท็อปของคุณหากเผลอทำร่วง หรือหากต้องเดินทางบนถนนที่ขรุขระจนทำให้กระเป๋าแล็ปท็อปเริ่มกระเด็นกระดอนไปมาที่เบาะหลัง

กระเป๋าแล็ปท็อป HP ที่ทนทานที่สุดคือ รุ่น HP Spectre 13.3 ที่ทำจากหนัง ซึ่งมีความสมบุกสมบันพอที่จะใส่ลุยแบบพี่ติ๊กได้เลย

นอกจากนี้ กระเป๋าที่ดีที่สุดย่อมมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษที่สามารถป้องกันเครื่องอ่าน RFID ได้อีกด้วย หากคุณพกบัตรเครดิตหรือเดบิตติดตัว ให้ระวังอุปกรณ์ที่สามารถสแกนข้อมูลบัตรของคุณจากระยะใกล้ได้ ใช่แล้ว โจรไซเบอร์ที่เข้าถึงอุปกรณ์ดังกล่าวอาจยืนอยู่ข้างหลังคุณที่ร้านกาแฟ เพื่อสแกนข้อมูลส่วนตัวรวมถึงข้อมูลทางการเงินจากบัตรของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว

จริง ๆ แล้วคนพวกนี้อาจไม่ได้ทำที่ร้านกาแฟก็ได้ เพราะว่าคนเยอะจนแอบทำอะไรลับๆ ล่อๆ ไม่ได้ แต่บ่อยครั้งที่การโจรกรรมข้อมูลมักเกิดขึ้นตามถนนหรือในระบบขนส่งสาธารณะ กระเป๋าแล็ปท็อป HP หลายรุ่นมีช่องซิปด้านนอกที่ป้องกันการสแกนด้วย RFID ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปทั่วโลกหรือข้ามเมือง คุณก็สามารถเก็บบัตรเครดิตและบัตรเดบิตไว้ในกระเป๋าได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกโจรไซเบอร์เจาะข้อมูลไป

การซื้อกระเป๋าเป้แบบจัดเต็มสำหรับแล็ปท็อปก็เป็นไอเดียที่ไม่เลว เพราะกระเป๋าเป้นั้นถูกออกแบบโดยคำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์มากกว่าซองเก็บแล็ปท็อปตรงที่ช่วยให้คุณเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้หลายชิ้นขึ้น

สิ่งที่คุณควรพกไว้ในกระเป๋าเป้เก็บแล็ปท็อปสำหรับเดินทาง

เมื่อคุณอยู่ในระหว่างเดินทาง ควรนำกระเป๋าเป้เก็บแล็ปท็อปพร้อมอุปกรณ์เสริมทั้งหมดที่จำเป็นมาด้วยให้เป็นนิสัย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้งานทางเทคนิคตลอดการเดินทางเสมอ แม้ว่าคุณจะอยู่ห่างไกลจากโฮมออฟฟิศก็หายห่วง โดยสิ่งที่คุณควรพกไว้ในกระเป๋า มีดังนี้

1.ก่อนอื่นต้องเก็บแล็ปท็อปไว้ในกระเป๋า หากคุณต้องการความปลอดภัยเป็นพิเศษ ให้เก็บแล็ปท็อปไว้ในซองใส่แล็ปท็อปก่อนแล้วค่อยนำมาใส่ไว้ในกระเป๋าเป้อีกที คุณไม่มีทางรู้ว่าตอนไหนเส้นทางที่ไปจะเริ่มมีอุปสรรค ดังนั้นคุณควรทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องแล็ปท็อปของคุณ จำไว้ว่าคุณอาจมีข้อมูลงานหรือข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนหรือมีความสำคัญมากมายที่ถูกบันทึกไว้ในแล็ปท็อป เช่น โปรเจกต์งาน หรือรูปถ่ายครอบครัว เพราะฉะนั้น อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า

2.คุณควรพกแบตเตอรี่สำรองที่ชาร์จไฟจนเต็ม และพยายามอย่าใช้แบตเตอรี่สำรองหากไม่จำเป็น ควรนำมาใช้ตอนฉุกเฉินในกรณีที่สายชาร์จแล็ปท็อปเกิดใช้การไม่ได้

3.พกอะแดปเตอร์สำหรับการเดินทางไปด้วย หากคุณกำลังเดินทางระหว่างประเทศ คุณอาจไปติดอยู่ในประเทศที่ไม่มีเต้าเสียบหรือปลั๊กไฟที่สามารถใช้ได้กับแล็ปท็อปของคุณ อะแดปเตอร์สำหรับการเดินทางมีปลั๊กแบบเปลี่ยนได้ซึ่งช่วยให้คุณเสียบเข้ากับเต้าเสียบของต่างประเทศได้

เมื่อคุณเดินทางไปต่างประเทศ การมีอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอาจเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความปลอดภัยและทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะไม่พลาดการเตรียมตัวเดินทางใด ๆ เพราะฉะนั้น อย่าลืมพกอุปกรณ์เหล่านี้ไปด้วยเมื่อคุณต้องออกนอกประเทศ

4.สุดท้ายนี้ พกฮับพอร์ต USB ไปด้วย ฮับพอร์ต USB เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อเมื่อคุณต้องออกเดินทางพร้อมกับแล็ปท็อป หน้าที่หลักคือช่วยให้แล็ปท็อปมีพอร์ต USB ที่พร้อมให้คุณใช้งานจำนวนมากขึ้น โดยปกติ ฮับ USB จะมาพร้อมกับพอร์ต USB เสริมเป็นจำนวน 4 ถึง 7 พอร์ต คุณจึงสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย แม้คุณจะอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ทำงานอันเป็นระเบียบในโฮมออฟฟิศของคุณก็ตาม

ฮับพอร์ต มีทั้งแบบที่มีไฟในตัวได้และไม่มีไฟในตัว ฮับพอร์ตที่มีไฟในตัวนั้นยอดเยี่ยม เพราะสามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ที่กำลังเชื่อมต่อได้เลย (อุปกรณ์ของคุณจึงไม่ต้องดึงไฟจากแล็ปท็อป) หากคุณมีเวลาจำกัดในการชาร์จอุปกรณ์ USB คุณสามารถใช้ฮับแบบมีไฟในตัวเพื่อชาร์จอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมกันได้เลย และคุณไม่จำเป็นต้องใช้เต้าเสียบเสริมมากมายด้วยซ้ำ ฮับที่มีไฟในตัวของ HP บางรุ่นมาพร้อมกับช่องเสียบการ์ด SD และพอร์ต USB-C เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับฮับพอร์ต USB ที่นี่

จำไว้ว่า หากคุณทำสายชาร์จแล็ปท็อปหาย และจำเป็นต้องชาร์จไฟจริง ๆ คุณสามารถทำได้ดังนี้

  • ชาร์จแล็ปท็อปผ่าน USB-C
  • ใช้อะแดปเตอร์เพื่อชาร์จแล็ปท็อปในรถยนต์
  • ชาร์จแล็ปท็อปด้วยแบตเตอรี่สำรอง

หนึ่งในวิธีเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณไม่ต้องทนทุกข์กับวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไร้แล็ปท็อปตลอดการเดินทาง